ประสบการณ์ไปศาลคดี บัตรเครดิต UOB
วัสดีครับ....เป็นสมาชิกได้ 9-10 เดือนแล้ว แก้ปัญหาตามแนวทางชมรมมาตลอด
อาศัยอ่านข้อมูลจากเว็ปตลอด ไปอบรม 1 ครั้ง เมื่อเดือนตุลา 54
ไปดูบรรยากาศสวนลุมมา 1 ครั้ง และเอาหมายศาลให้คุณอาดู 1 ครั้ง
อยากเล่าประสบการณ์ไปศาลครั้งแรกกับยูโอบีเผื่อเป็นกำลังใจสำหรับคนที่กำลังกลัวการไปศาล
เรื่องมีอยู่ว่า มีหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดของยูโอบี ใบละ 50000 2 ใบ 100,000 บาท เริ่มหยุดเดือน พ.ค 54 หยุดได้ 5 เดือน ฟ้องแล้วประทับรับฟ้อง 21 ต.ค 54 หมายมา 26 พ.ย.54 ศาลนัดเพื่อไกล่เกลี่ยให้การ และสืบพยาน วันที่ 2 ก.พ.55 เวลา 9.00 น. ที่ศาลแขวงธนบุรี เรื่อง ผิดสัญญา ( กู้เบิกเกินบัญชี,บัตรเครดิต ) ทุนทรัพย์ฟ้อง 109,000 บาท เงินต้น 97,000 บาท โจทย์ ยูโอบี
ช่วงก่อนวันนัดศาล 3 วัน ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักงานกฏหมายโทรมาสอบถามว่าจะชำระอย่างไร เราก็ตอบไปว่า มีแนวทางยังงัยบ้าง เราถ้าปิดงวดเดียวแบบมีส่วนลดอยู่ที่เท่าไหร่ ( พอดีมีเงินที่เก็บไว้รอปิดกับเงินโบนัสอยู่ประมาณ 50,000 บาท กะว่าถ้าให้ก็ปิดเลย ) ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเดี๋ยวไปคำนวณก่อน แล้วก็หายต๋อมไปเลย เราก็ไม่โทรไปง้อ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปศาลเลยดีกว่าอยากมีประสบการณ์ เพราะได้อ่านในเว็ปเยอะแล้ว ว่าไปศาลได้น่ากลัวอย่างที่คิด ( แต่ก็ตื้อแฟนให้ไปเป็นเพื่อน หุหุ )
พอถึงวันนัดศาล 2 กพ. เป็นเช้าวันพฤหัสก็ตื่นปกติเหมือนไปทำงานแต่งตัวออกจากบ้านด้วยชุดฟอร์ม พนักงานเพราะว่ากะไปทำงานต่อเลย เนื่องจากจากบ้านไปศาลใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงติดมอไซค์น้องออกจากบ้าน ประหยัดไป 20 บาท แวะกินข้าวคลุกกะปิที่ปั้ม 25 บาท น้ำเปล่าฟรี เดินข้ามสะพานลอยต่อด้วยรถสองแถว 6 บาท และต่อด้วยรถกระป้ออีก 5 บาท ก็ถึงเวลาประมาณ 8.30 น. พอถึงศาลก็เดินไปดูบอร์ด เพราะเราเคยมาดูลาดเลาแล้วก่อน 1 อาทิตย์ ว่าตึกใหนจะได้ไม่หลงเสียเวลา อ่านบอร์ดดูชื่อเรา แล้วก็ดูว่ามีคดียูโอบีอีกมั้ย ปรากฏว่ามีเหมือนเราอีก 7 คดี เย้ๆๆๆๆ มีเพื่อนแล้ว เราขึ้นไปชั้น 3 ห้องพิจารณคดีตามบอร์ด เดินขึ้นไปบรรยากาศรอบข้างเก่าๆ เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ พอเดินเข้าห้องก็พบกับชายหนุ่ม 2 คน ไว้เคราเหมือนบอย ปกรณ์ คนนึงกำลังง่วนกับเอกสารเป็นปึกๆ แล้วเค้าก็ถามเราว่า มาคดีอะไรครับ เราตอบกลับไปว่า ยูโอบี เค้าบอกว่าให้นั่งรอก่อน เราก็นั่งรอในห้องแป๊บนึง แล้วเราก็มารอหน้าห้องรอแฟนเรามาด้วย ซักพักแฟนก็มาเราก็เดินเข้าไปในห้อง เริ่มมีคนมาพอสมควร เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์ มาแล้วเป็นผู้หญิงสาวสวยกับผู้ชายเหมือนเป็นผู้ช่วยคอยเดินเอกสารให้ แล้วสาวสวยหน้าบัลลังค์ก็ถามเราว่า มาคดีอะไรคะ เราก็ตอบเหมือนเดิม ยูโอบีครับ แล้วเค้าก็หันหน้าไปหาผู้ชายเครางามที่เราเจอตั้งแต่เช้า โอ้นี่ทนายโจทย์เราเองเหรอ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่
9.00น. คนมากันเยอะแล้ว แต่เอ๋ทำไมนาฬิกาศาลเร็วกว่านาฬิกาเราตั้ง 10 นาทีแหน่ะ ขนาดเราตั้งเร็วกว่าปกติ 3 นาทีแล้วนะ พอเวลาประมาณ 9.30 น. ทนายก็เดินมาหาเราแล้วก็เรียกขานคดียูโอบี ปรากฏว่า มากันสามคนรวมเรา แล้วอีก 5 คดีหล่ะหายไปไหน เสียดายแทนเค้านะ น่าจะมาใช้สิทธและแสดงตัวตนต่อศาลว่าเรามีเจตจำนงชำระหนี้แต่ในเงื่อนไขที่ รับกันได้ทั้งสองฝ่าย ทนายบอกให้ออกไปคุยหน้าห้อง เราก็เดินออกไปพร้อมกับชายสูงวัยกับหญิงสูงวัย ทนายมาคุยกับเราคนแรก แล้วถามว่าจะชำระยังงัย แล้วมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมามั้ย เราก็ตอบไปว่ามีติดต่อมาเมื่อวันเสาร์เราขอปิดงวดเดียว ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าขอไปคำนวณก่อน แล้วจะติดต่อมาใหม่ จากวันนั้นก็หายต๋อมไปเลย แล้วเราถามทนายว่ามีแนวทางยังงัยบ้าง เราบอกว่าถ้าขอผ่อนซัก 3 ปีได้มั้ย 36 งวดอ่ะ ทางทนายตอบว่าไม่ได้หรอก ปกติได้ที่ 12 งาด โห!ตกงวดละเกือบหมื่น ( มากกว่าโดนอายัดเงินเดือน 30 % อีก งั้นให้อายัดเงินเดือนไม่ดีกว่าเหรอ แต่อีกใจก็ไม่อยากจะไปวุ่นวายกับฝ่ายบัญชีกับฝ่ายบุคคล เพราะค่อนข้างยุ่งยากแถมโดนมองไม่ดีอีก อยากจ่ายให้มันจบๆไป ตามกำลังที่เรามีอยู่ ) เราถามทนายถ้าปิดจบงวดเดียวหล่ะ ทางทนายเงียบ ทางทนายบอกว่าเอาอย่างนี้แล้วกันเลื่อนศาลไปก่อนแล้วคุณก็คุยกับแบงค์อีกที ( เข้าทางเราเลย แต่อีกใจถ้าเสนอมาซัก 60,000 เราก็ปิดเลยพอดีมีเงินอยู่ .....แต่เอ้ทำไมมันเลื่อนง่ายจัง เหมือนมันตั้งใจให้เลื่อนแต่แรกแล้ว ) เราถามต่อว่า เลื่อนได้นานเท่าไหร่ 2-3 เดือนได้มั้ย (ในใจก็ขอให้ได้นานที่สุดแล้วกัน) ทนายตอบกลับมาว่าเดือนนึง เต็มที่ เดือนครึ่ง แล้วทนายก็ไปเจรจากับคนอื่นต่อ เราก็นั่งฟังด้วย
ทนายก็ถามคำถามเดิมเหมือนกับเรา คุณน้าผู้หญิงก็ยกเหตุผลต่างๆ นาๆ บอกว่าจ่ายไม่ไหวขอเวลาหน่อยหรือขอจ่ายเดือนละ500 พันนึง ได้มั้ย เราก็สังเกตว่าทนายไม่ค่อยสนใจฟังเท่าไหร่เหมือนเอือมกับเหตุผลแม่น้ำทั้ง5 สายยังงัยไม่รู้ ทนายตอบสั้นๆว่า งั้นเลื่อนไปก่อนแล้วกัน แล้วตัดบทไปคุยกับคุณอาอีกท่านนึง ก็เลื่อนเหมือนกัน เหมือนกับว่าตั้งใจให้เลื่อนอยู่แล้ว จากนั้นก็เข้าไปนั่งรอในห้องผู้คนมากมายกับเอกสารที่ดูวุ่นวาย แล้วทนายยูโอบีก็เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์แล้วหยิบเอกสารการขอ เลื่อนนัดมาให้เราเซ็นต์ เราก็ตั้งใจอ่านดูรายละเอียดในเอกสารก่อน โดยระบุว่านัดมาศาล วันที่ 29 มี.ค 55 เย้ สรุปได้เลื่อน 2 เดือน เซ็นต์แล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ศาล แล้วบอกว่าให้รอท่านผู้พิพากษาก่อนเจ้าหน้าที่สาลก็โทรศัพท์สงสัยโทรไปแจ้ง ว่าพร้อมกันแล้ว ประมาณ 10 โมง ท่านก็ลงมา เราก็ยืนทำความเคารพ จากนั้นท่านก็นั่งลงพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเซนต์เอกสารกองท่วมหัว ซักพักท่านก็เซนต์สำนวนยูโอบี โดยไม่ได้ถามอะไรแล้วก็ส่งให้เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์จากนั้นก็บอกให้เรา กลับบ้านได้ เราก็กลับไปทำงานต่อเลย ใช้เวลาในการอยู่ศาลประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า
พอวันรุ่งขึ้นยูโอบี ก็โทรมาสอบถามว่าจะชำระยังงัย ถ้าผ่อนตามยอดฟ้อง+ดอกเบี้ย 15%ต่อปี ถ้าปิดงวดเดียว 80,000 บาทแต่ยังไม่รับปาก จะลองขอให้ เราบอกว่ามี 50,000 บาท ยูโอบีบอกไม่ได้หรอก (กะถ้าต่อเหลือซัก 60,000 ก็ปิดเลย จะได้จบๆไป พอดีมีเงินอยู่ ) ยูโอบี ไม่ต่อเลย แล้วบอกว่าลองพิจารณาดูก่อน แล้วก็วางสายไป
6 ก.พ.55 โทรมาสอบถาม
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - สรุปจะชำระยังงัย สรุปจะให้ไปเคลียร์กันที่ศาลใช่มั้ยครับ
เรา- ถ้ายอดเยอะขนาดนั้นก็เคลียร์ที่ศาล
ยู (สนง. อธรรมศิริรัฐ) - ครับ จะได้แจ้งผู้จัดการได้ถูก
***** ทำไมยังใจแข็งไม่ยอมต่อลองเลย
6 มี.ค.55
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - สอบถามการชำระปิดบัญชี โดยแจกแจงยอดฟ้อง 109,000 เงินต้น 97,000 บาท
เรา - แล้วปิดได้ที่เท่าไร่ครับ
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - ปิดที่เงินต้น 97,000 บาท
เรา - โหหหหหห เยอะขนาดนี้เลยเหรอ คราวที่แล้วบอก 80,000 ผมยังปิดไม่ได้เลย
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - งั้นปิดที่ 80,000 บาทจะลองเสนอดู
เรา - ก็ยังไม่พออยู่ดี ซัก 60,000 พอไหว
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - ให้ลองพิจารณาดูก่อน จะได้ไม่ไปศาล แล้วก็วางสายไป
***** ทำไมยังใจแข็งไม่ยอมต่อลองเลย สงสัยยังไม่อยากได้เงิน งั้นก็รอไปก่อนไม่รีบ ไปศาลก็ไปศาล
จาก http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=6918&Itemid=29#6990
r
อยากเล่าประสบการณ์ไปศาลครั้งแรกกับยูโอบีเผื่อเป็นกำลังใจสำหรับคนที่กำลังกลัวการไปศาล
เรื่องมีอยู่ว่า มีหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดของยูโอบี ใบละ 50000 2 ใบ 100,000 บาท เริ่มหยุดเดือน พ.ค 54 หยุดได้ 5 เดือน ฟ้องแล้วประทับรับฟ้อง 21 ต.ค 54 หมายมา 26 พ.ย.54 ศาลนัดเพื่อไกล่เกลี่ยให้การ และสืบพยาน วันที่ 2 ก.พ.55 เวลา 9.00 น. ที่ศาลแขวงธนบุรี เรื่อง ผิดสัญญา ( กู้เบิกเกินบัญชี,บัตรเครดิต ) ทุนทรัพย์ฟ้อง 109,000 บาท เงินต้น 97,000 บาท โจทย์ ยูโอบี
ช่วงก่อนวันนัดศาล 3 วัน ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักงานกฏหมายโทรมาสอบถามว่าจะชำระอย่างไร เราก็ตอบไปว่า มีแนวทางยังงัยบ้าง เราถ้าปิดงวดเดียวแบบมีส่วนลดอยู่ที่เท่าไหร่ ( พอดีมีเงินที่เก็บไว้รอปิดกับเงินโบนัสอยู่ประมาณ 50,000 บาท กะว่าถ้าให้ก็ปิดเลย ) ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเดี๋ยวไปคำนวณก่อน แล้วก็หายต๋อมไปเลย เราก็ไม่โทรไปง้อ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปศาลเลยดีกว่าอยากมีประสบการณ์ เพราะได้อ่านในเว็ปเยอะแล้ว ว่าไปศาลได้น่ากลัวอย่างที่คิด ( แต่ก็ตื้อแฟนให้ไปเป็นเพื่อน หุหุ )
พอถึงวันนัดศาล 2 กพ. เป็นเช้าวันพฤหัสก็ตื่นปกติเหมือนไปทำงานแต่งตัวออกจากบ้านด้วยชุดฟอร์ม พนักงานเพราะว่ากะไปทำงานต่อเลย เนื่องจากจากบ้านไปศาลใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงติดมอไซค์น้องออกจากบ้าน ประหยัดไป 20 บาท แวะกินข้าวคลุกกะปิที่ปั้ม 25 บาท น้ำเปล่าฟรี เดินข้ามสะพานลอยต่อด้วยรถสองแถว 6 บาท และต่อด้วยรถกระป้ออีก 5 บาท ก็ถึงเวลาประมาณ 8.30 น. พอถึงศาลก็เดินไปดูบอร์ด เพราะเราเคยมาดูลาดเลาแล้วก่อน 1 อาทิตย์ ว่าตึกใหนจะได้ไม่หลงเสียเวลา อ่านบอร์ดดูชื่อเรา แล้วก็ดูว่ามีคดียูโอบีอีกมั้ย ปรากฏว่ามีเหมือนเราอีก 7 คดี เย้ๆๆๆๆ มีเพื่อนแล้ว เราขึ้นไปชั้น 3 ห้องพิจารณคดีตามบอร์ด เดินขึ้นไปบรรยากาศรอบข้างเก่าๆ เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ พอเดินเข้าห้องก็พบกับชายหนุ่ม 2 คน ไว้เคราเหมือนบอย ปกรณ์ คนนึงกำลังง่วนกับเอกสารเป็นปึกๆ แล้วเค้าก็ถามเราว่า มาคดีอะไรครับ เราตอบกลับไปว่า ยูโอบี เค้าบอกว่าให้นั่งรอก่อน เราก็นั่งรอในห้องแป๊บนึง แล้วเราก็มารอหน้าห้องรอแฟนเรามาด้วย ซักพักแฟนก็มาเราก็เดินเข้าไปในห้อง เริ่มมีคนมาพอสมควร เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์ มาแล้วเป็นผู้หญิงสาวสวยกับผู้ชายเหมือนเป็นผู้ช่วยคอยเดินเอกสารให้ แล้วสาวสวยหน้าบัลลังค์ก็ถามเราว่า มาคดีอะไรคะ เราก็ตอบเหมือนเดิม ยูโอบีครับ แล้วเค้าก็หันหน้าไปหาผู้ชายเครางามที่เราเจอตั้งแต่เช้า โอ้นี่ทนายโจทย์เราเองเหรอ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่
9.00น. คนมากันเยอะแล้ว แต่เอ๋ทำไมนาฬิกาศาลเร็วกว่านาฬิกาเราตั้ง 10 นาทีแหน่ะ ขนาดเราตั้งเร็วกว่าปกติ 3 นาทีแล้วนะ พอเวลาประมาณ 9.30 น. ทนายก็เดินมาหาเราแล้วก็เรียกขานคดียูโอบี ปรากฏว่า มากันสามคนรวมเรา แล้วอีก 5 คดีหล่ะหายไปไหน เสียดายแทนเค้านะ น่าจะมาใช้สิทธและแสดงตัวตนต่อศาลว่าเรามีเจตจำนงชำระหนี้แต่ในเงื่อนไขที่ รับกันได้ทั้งสองฝ่าย ทนายบอกให้ออกไปคุยหน้าห้อง เราก็เดินออกไปพร้อมกับชายสูงวัยกับหญิงสูงวัย ทนายมาคุยกับเราคนแรก แล้วถามว่าจะชำระยังงัย แล้วมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมามั้ย เราก็ตอบไปว่ามีติดต่อมาเมื่อวันเสาร์เราขอปิดงวดเดียว ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าขอไปคำนวณก่อน แล้วจะติดต่อมาใหม่ จากวันนั้นก็หายต๋อมไปเลย แล้วเราถามทนายว่ามีแนวทางยังงัยบ้าง เราบอกว่าถ้าขอผ่อนซัก 3 ปีได้มั้ย 36 งวดอ่ะ ทางทนายตอบว่าไม่ได้หรอก ปกติได้ที่ 12 งาด โห!ตกงวดละเกือบหมื่น ( มากกว่าโดนอายัดเงินเดือน 30 % อีก งั้นให้อายัดเงินเดือนไม่ดีกว่าเหรอ แต่อีกใจก็ไม่อยากจะไปวุ่นวายกับฝ่ายบัญชีกับฝ่ายบุคคล เพราะค่อนข้างยุ่งยากแถมโดนมองไม่ดีอีก อยากจ่ายให้มันจบๆไป ตามกำลังที่เรามีอยู่ ) เราถามทนายถ้าปิดจบงวดเดียวหล่ะ ทางทนายเงียบ ทางทนายบอกว่าเอาอย่างนี้แล้วกันเลื่อนศาลไปก่อนแล้วคุณก็คุยกับแบงค์อีกที ( เข้าทางเราเลย แต่อีกใจถ้าเสนอมาซัก 60,000 เราก็ปิดเลยพอดีมีเงินอยู่ .....แต่เอ้ทำไมมันเลื่อนง่ายจัง เหมือนมันตั้งใจให้เลื่อนแต่แรกแล้ว ) เราถามต่อว่า เลื่อนได้นานเท่าไหร่ 2-3 เดือนได้มั้ย (ในใจก็ขอให้ได้นานที่สุดแล้วกัน) ทนายตอบกลับมาว่าเดือนนึง เต็มที่ เดือนครึ่ง แล้วทนายก็ไปเจรจากับคนอื่นต่อ เราก็นั่งฟังด้วย
ทนายก็ถามคำถามเดิมเหมือนกับเรา คุณน้าผู้หญิงก็ยกเหตุผลต่างๆ นาๆ บอกว่าจ่ายไม่ไหวขอเวลาหน่อยหรือขอจ่ายเดือนละ500 พันนึง ได้มั้ย เราก็สังเกตว่าทนายไม่ค่อยสนใจฟังเท่าไหร่เหมือนเอือมกับเหตุผลแม่น้ำทั้ง5 สายยังงัยไม่รู้ ทนายตอบสั้นๆว่า งั้นเลื่อนไปก่อนแล้วกัน แล้วตัดบทไปคุยกับคุณอาอีกท่านนึง ก็เลื่อนเหมือนกัน เหมือนกับว่าตั้งใจให้เลื่อนอยู่แล้ว จากนั้นก็เข้าไปนั่งรอในห้องผู้คนมากมายกับเอกสารที่ดูวุ่นวาย แล้วทนายยูโอบีก็เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์แล้วหยิบเอกสารการขอ เลื่อนนัดมาให้เราเซ็นต์ เราก็ตั้งใจอ่านดูรายละเอียดในเอกสารก่อน โดยระบุว่านัดมาศาล วันที่ 29 มี.ค 55 เย้ สรุปได้เลื่อน 2 เดือน เซ็นต์แล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ศาล แล้วบอกว่าให้รอท่านผู้พิพากษาก่อนเจ้าหน้าที่สาลก็โทรศัพท์สงสัยโทรไปแจ้ง ว่าพร้อมกันแล้ว ประมาณ 10 โมง ท่านก็ลงมา เราก็ยืนทำความเคารพ จากนั้นท่านก็นั่งลงพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเซนต์เอกสารกองท่วมหัว ซักพักท่านก็เซนต์สำนวนยูโอบี โดยไม่ได้ถามอะไรแล้วก็ส่งให้เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังค์จากนั้นก็บอกให้เรา กลับบ้านได้ เราก็กลับไปทำงานต่อเลย ใช้เวลาในการอยู่ศาลประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า
พอวันรุ่งขึ้นยูโอบี ก็โทรมาสอบถามว่าจะชำระยังงัย ถ้าผ่อนตามยอดฟ้อง+ดอกเบี้ย 15%ต่อปี ถ้าปิดงวดเดียว 80,000 บาทแต่ยังไม่รับปาก จะลองขอให้ เราบอกว่ามี 50,000 บาท ยูโอบีบอกไม่ได้หรอก (กะถ้าต่อเหลือซัก 60,000 ก็ปิดเลย จะได้จบๆไป พอดีมีเงินอยู่ ) ยูโอบี ไม่ต่อเลย แล้วบอกว่าลองพิจารณาดูก่อน แล้วก็วางสายไป
6 ก.พ.55 โทรมาสอบถาม
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - สรุปจะชำระยังงัย สรุปจะให้ไปเคลียร์กันที่ศาลใช่มั้ยครับ
เรา- ถ้ายอดเยอะขนาดนั้นก็เคลียร์ที่ศาล
ยู (สนง. อธรรมศิริรัฐ) - ครับ จะได้แจ้งผู้จัดการได้ถูก
***** ทำไมยังใจแข็งไม่ยอมต่อลองเลย
6 มี.ค.55
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - สอบถามการชำระปิดบัญชี โดยแจกแจงยอดฟ้อง 109,000 เงินต้น 97,000 บาท
เรา - แล้วปิดได้ที่เท่าไร่ครับ
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - ปิดที่เงินต้น 97,000 บาท
เรา - โหหหหหห เยอะขนาดนี้เลยเหรอ คราวที่แล้วบอก 80,000 ผมยังปิดไม่ได้เลย
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - งั้นปิดที่ 80,000 บาทจะลองเสนอดู
เรา - ก็ยังไม่พออยู่ดี ซัก 60,000 พอไหว
ยู(สนง. อธรรมศิริรัฐ) - ให้ลองพิจารณาดูก่อน จะได้ไม่ไปศาล แล้วก็วางสายไป
***** ทำไมยังใจแข็งไม่ยอมต่อลองเลย สงสัยยังไม่อยากได้เงิน งั้นก็รอไปก่อนไม่รีบ ไปศาลก็ไปศาล
จาก http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=6918&Itemid=29#6990
r
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น