Boutique HoteI : ที่พักรูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน
Boutique HoteI : ที่พักรูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
สิงหาคม 2555
สิงหาคม 2555
ธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 4-5 ดาวของไทย (ซึ่งส่วนใหญ่บริหารโดยเชนโรงแรมต่างประเทศ) ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งในกรุงเทพฯ และตามเมือง ท่องเที่ยวหลักของไทย ตั้งแต่ปี 2530 ที่มีการรณรงค์ส่งเสริมให้เป็น ปีท่องเที่ยวไทยเป็นต้นมา ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลักของโรงแรมกลุ่มนี้ ชะลอการเติบโตและถดถอยลงบางช่วงโดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ถูกบั่นทอนด้วยหลายปัจจัยลบ ทั้งวิกฤตด้านเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ความไม่สงบภายในประเทศ และการแพร่ระบาดของโรคภัยต่างๆ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมระดับ 4-5 ดาว โดยรวมของไทยลดลงตามลำดับ และเกิดการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้นในกลุ่มโรงแรมหรู ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันด้านราคา แทนการใช้กลยุทธ์ด้านบริการ ทำให้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาอัตราค่าห้องพัก โดยเฉลี่ยของโรงแรมระดับ 4-5 ดาวของไทยทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ และมาเลเซีย
จากแนวโน้มดังกล่าว ประกอบกับความคาดหวังในการเดินทางของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ในลักษณะที่ต้องการประสบการณ์ที่ แตกต่าง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น ซึ่งโรงแรมเช่นที่มีมาตรฐานเดียวกันทุกแห่งทั่วโลก ไม่สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ จึงก่อให้เกิดช่องว่างทางการตลาดที่เอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบการที่มีทุนไม่ มาก รวมทั้งผู้ประกอบการหน้าใหม่ สามารถพัฒนาที่พักขนาดไม่ใหญ่นัก โดยเน้นด้านการออกแบบและตกแต่ง ที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง รวมทั้งมีการให้บริการด้วยความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นน่าประทับใจแก่ผู้ที่มาพัก ที่พักรูปแบบดังกล่าวนิยมเรียกกันทั่วไปว่า บูติค โฮเต็ล (Boutique Hotel)
บูติค โฮเต็ล : จากความคิดสร้างสรรค์....สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจที่พัก |
การพัฒนาที่พักในรูปแบบบูติค โฮเต็ล นับเป็นการนำความคิดสร้างสรรค์มาก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจด้านที่พัก และยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ที่ต้องการประสบการณ์ในการเดินทางท่องเที่ยวที่แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะในด้านที่พัก ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสความแปลกใหม่แตกต่างไปจากการพักแรมในที่พัก ที่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ (ซึ่งเน้นในด้านความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความเพียบพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ) ที่นักท่องเที่ยวต่างคุ้นเคยกันมาช้านาน ทั้งนี้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องราคา เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มุ่งเน้นความคุ้มค่าของการบริการเป็นสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการที่พักในรูปแบบบูติค โฮเต็ล สามารถปรับอัตราค่าบริการได้สูงกว่าที่พักในรูปแบบโรงแรม ขนาดใหญ่ทั่วๆไป ซึ่งช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และยกระดับการบริการด้านที่พักสู่ตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และเมื่อได้รับการสนับสนุนด้วยการใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ และการจองผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ส่งผลให้กระแสความนิยมบูติค โฮเต็ลเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว
ความนิยมที่พักประเภทบูติค โฮเต็ล ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีเงินทุนไม่มาก ทำให้สามารถพัฒนาที่พักขนาดไม่ใหญ่นัก โดยเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและตกแต่งให้มีลักษณะเฉพาะตัว และมีการให้บริการอย่างใส่ใจและใกล้ชิดเป็นรายบุคคล
บูติค โฮเต็ล ในประเทศไทยส่วนใหญ่มีจำนวนห้องพักเริ่มที่ 2-3 ห้องไปจนถึงประมาณ 50-60 ห้อง สำหรับบูติค โฮเต็ลขนาดเล็ก ที่มีจำนวนห้องพัก เพียงไม่กี่ห้อง ส่วนใหญ่มักดัดแปลงมาจากอาคารเก่า และรักษาบรรยากาศในอดีตไว้เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยอาศัยศิลปะการตกแต่งให้กลมกลืนไปกับกลิ่นอายของอดีตกาล ทำให้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเท่ากับธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ รวมทั้งไม่ต้องอาศัยแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในการขยายฐานด้านการตลาด แต่จะต้องทำให้ที่พัก มีความเป็นเอกลักษณ์ และมีสไตล์เป็นของตัวเอง เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียว ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่การวางคอนเซ็ปต์โรงแรม สำรวจทำเลที่ตั้ง ออกแบบ และวางแผนการตกแต่ง โดยมีหลักสำคัญอยู่ที่การสร้างโรงแรมให้ทุกองค์ประกอบมีลักษณะเฉพาะตัว คือ ต้องแตกต่าง และเป็นหนึ่งเดียวโดยแท้จริง
สำหรับบูติค โฮเต็ลในต่างประเทศ จะมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ใช้เงินลงทุนสูงและบริหารด้วยมืออาชีพ เป็นโรงแรมที่มีขนาดเล็ก จำนวนห้องไม่มาก แต่เป็นห้องพักขนาดใหญ่ มีการตกแต่งอย่างหรูหราและประณีต ใช้เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาแพง มีการให้บริการในบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มีการเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด จากพนักงาน เพราะจำนวนผู้เข้าพักไม่มาก ทำให้สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง
ส่วนบูติค โฮเต็ลในเมืองไทยจะมีความแตกต่างบางอย่างไปจากบูติค โฮเต็ลในต่างประเทศ โดยมีขนาดไม่ใหญ่นัก มีจำนวนห้องพักไม่มาก ซึ่งอาจมีแค่ไม่กี่ห้อง และ ห้องอาจจะเล็ก มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด แต่อาศัยการออกแบบเป็นพิเศษ ทำให้สามารถจัดการใช้งานพื้นที่ภายในห้องพักได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังใช้เงินลงทุนไม่สูง และบริหารโดยเจ้าของ หรือไม่ได้บริหารด้วยมืออาชีพ แต่จะเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ถ่ายทอดผ่านการออกแบบและตกแต่ง ให้มีความโดดเด่น เป็นหนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใคร และมุ่งให้บริการเฉพาะกลุ่ม เพราะโรงแรมที่มีขนาดเล็ก ผู้เข้าพักมีจำนวนไม่มาก ทำให้พนักงานสามารถใกล้ชิดลูกค้า และดูแลเอาใจใส่ในรายละเอียดของลูกค้าผู้เข้าพักแต่ละคนได้มากกว่าโรงแรม ขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าพักจำนวนมาก ซึ่งแม้ไม่ใช่ลักษณะอย่างบูติค โฮเต็ลในต่างประเทศ แต่ก็นับว่าใกล้เคียงพอจะเรียกได้ว่าเป็น บูติค โฮเต็ลแบบไทยๆ โดยมีบูติค โฮเต็ลหลายแห่งของไทยที่มีชื่อเสียงแพร่หลายในต่างประเทศ
บูติค โฮเต็ลในประเทศไทย สามารถจำแนกออกเป็นประเภทต่างๆ ตามรูปแบบของที่พัก ได้ดังนี้
• ที่พักที่ดัดแปลงมาจากอาคารเก่าแก่ที่ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยมีแนวโน้มที่เด่นชัดในย่านเก่าแก่ อาทิ เกาะรัตนโกสินทร์และพื้นที่รอบๆ เช่น ย่านถนนพระสุเมรุ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่สำคัญ ได้แก่ ภูเขาทอง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บางลำพู พิพิธภัณฑ์ วัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง เป็นต้น
• ที่พักที่มีการออกแบบให้มีสไตล์ที่ทันสมัย และสะท้อนความเป็นตัวตนของโรงแรมและผู้เข้าพัก นิยมเรียกกันว่า Hip Hotel
• ที่พักที่ออกแบบทุกองค์ประกอบอย่างละเอียด โดยเน้นประโยชน์การใช้สอยของพื้นที่ หรือข้าวของเครื่องใช้ และของตกแต่งค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าเป็นบูติค โฮเต็ลระดับหรู หรือ บูติค โฮเต็ล ระดับ 5 ดาว ที่มุ่งจับตลาดระดับบน ส่วนใหญ่จะเป็นบูติค โฮเต็ลที่บริหารโดยเชนโรงแรม ซึ่งจะเน้นการออกแบบเป็นสำคัญ ส่วนด้านบริการ ยังเหมือนโรงแรมขนาดใหญ่ที่ให้บริการแบบมาตรฐาน บูติค โฮเต็ลกลุ่มนี้มักมีราคาแพง เรียกกันว่า Designer Hotel
• ที่พักที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดใน lifestyle ของผู้มาพัก เรียกกันว่า Lifestyle Hotel เช่น เน้นกลุ่มที่มี lifestyle ใส่ใจในสุขภาพ โดยมี บริการสปา รวมทั้งร้านอาหารประเภท organic food เพื่อสุขภาพ, กลุ่มที่ชื่นชอบในงานศิลปะ และของเก่า, กลุ่มที่ต้องการความเงียบสงบ ความเป็นส่วนตัว ในบรรยากาศความเป็นธรรมชาติที่ร่มรื่นผ่อนคลาย, กลุ่มที่ต้องการประสบการณ์อะไรที่แปลกใหม่ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน, กลุ่มที่เน้นการประหยัดพลังงาน และลดโลกร้อน ภายใต้แนวคิด green idea และกลุ่มที่ต้องการบริการที่สัมผัสกับสิ่งแวดล้อม และชุมชนในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นต้น
เมื่อพิจารณาในด้านรูปแบบของการบริหารกิจการ สามารถจำแนกประเภทของบูติค โฮเต็ล ออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
• บูติค โฮเต็ล ที่เจ้าของกิจการบริหารงานเอง ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม โดยใช้เงินลงทุนไม่มากนัก และมีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมมาบ้างแม้ไม่มากนัก หรือไม่มีประสบการณ์เลย (อาทิ สถาปนิก ซึ่งมีความได้เปรียบในด้านการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและตกแต่ง ทำให้ สามารถพัฒนาที่พักให้มีความพิเศษและมีเสน่ห์เฉพาะตัว รวมทั้งยังสอดคล้องกับ lifestyle แบบ idea green ทำให้สามารถประหยัดการใช้ไฟฟ้าในด้านการให้แสงสว่าง และลดการใช้เครื่อง ปรับอากาศ เพราะอาคารมีความโล่งและโปร่ง ทำให้แสงสว่างส่องเข้ามาในห้องพักได้เพียงพอในช่วงกลางวัน รวมทั้งยังมีการออกแบบโดยใช้วัสดุหรือต้นไม้ช่วยในการกรองแสงอาทิตย์ที่ส่อง เข้ามาในห้องพักตรงๆ และมีช่องเปิดให้มีลมพัดผ่านทำให้อากาศในห้องพักเย็นสบาย) โรงแรมประเภทนี้มักมีขนาดไม่ใหญ่นัก มีจำนวนห้องไม่มาก อาจมีจำนวนห้องพักเพียง 2-3 ห้องไปจนถึง ประมาณ 100 ห้อง
• บูติค โฮเต็ล ที่บริหารกิจการโดยผู้บริหารโรงแรมมืออาชีพ รวมทั้งบริหารโดยเชนบริหารโรงแรมที่เริ่มขยายเครือข่ายการบริหารโรงแรมเข้า มา ในกลุ่มบูติค โฮเต็ล ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ รวมทั้งกลุ่มที่รับบริหารบูติค โฮเต็ลโดยเฉพาะ สำหรับบูติค โฮเต็ลประเภทนี้มักมีห้องจำนวนมากแต่ไม่เกิน 200 ห้อง อย่างไรก็ตาม บูติค โฮเต็ลที่บริหารโดยเชนบริหารโรงแรมมืออาชีพ มักเน้นในด้านการออกแบบ ให้เป็นบูติค โฮเต็ลระดับ 5 ดาว ส่วนในด้านบริการไม่แตกต่างจากโรงแรมขนาดใหญ่ทั่วไป (เป็นโรงแรม ขนาดเล็กที่มีคุณภาพระดับ 5 ดาว) ส่วนกลุ่มที่รับบริหารบูติค โฮเต็ลโดยเฉพาะนั้น เน้นการสร้างเอกลักษณ์และสไตล์เฉพาะตัวให้ที่พัก ทั้งในด้านรูปแบบการตกแต่ง และบริการ รวมทั้งดัดแปลงรูปแบบการบริหาร และด้านการตลาดจากเชนโรงแรมมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบูติค โฮเต็ล
บูติค โฮเต็ล ที่พัฒนาขึ้นมาในระยะแรกๆนั้น จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการรองรับด้านธุรกิจ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือ นัก ท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ในด้านที่พักที่แตกต่างไปจากความจำเจของ โรงแรมขนาดใหญ่ทั่วไปที่เหมือนๆกันทุกแห่ง ขณะที่ลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจ หรือผู้ที่เดินทางมาติดต่อด้านธุรกิจจะเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักของ โรงแรมขนาดใหญ่ระดับ 4-5 ดาว ซึ่งมีบริการรองรับด้านธุรกิจอย่างครบวงจร
อย่างไรก็ตาม จากกระแสความนิยมที่พักแบบบูติค โฮเต็ลที่เติบโตอย่างรวดเร็วและขยายตัวกว้างขวาง โดยครอบคลุมไปในกลุ่มนักธุรกิจ ที่ต้อง การติดต่อด้านธุรกิจและพักผ่อนในประสบการณ์ด้านที่พักที่แตกต่างไปด้วยในตัว ทำให้ในระยะต่อมามีผู้พัฒนาบูติค โฮเต็ลที่มีบริการรองรับด้านธุรกิจ อาทิ ห้องประชุมสัมมนาที่ทันสมัย และอุปกรณ์ในด้านธุรกิจอย่างครบครัน เพื่อตอบสนอง lifestyle แบบนักธุรกิจ สำหรับวันพักผ่อนอย่างแท้จริง สำหรับบูติค โฮเต็ลประเภทนี้มักเป็นบูติค โฮเต็ลระดับ 5 ดาว ซึ่งเน้นในด้านการออกแบบ ส่วนบริการยังเป็นมาตรฐานของโรงแรมขนาดใหญ่ทั่วไป
เงื่อนไขสำคัญ.....นำบูติค โฮเต็ลสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน |
ปัจจุบันธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดย่อม (มีจำนวนห้องพักไม่เกิน 200 ห้อง) ที่พัฒนาขึ้นส่วนใหญ่ต่างเรียกตัวเองเป็นบูติค โฮเต็ล ตามกระแสความนิยมที่กำลังมาแรง เพื่อเป็นจุดขายดึงดูดผู้เข้าพัก โดยมีบางแห่งที่มุ่งเน้นเฉพาะในด้านการออกแบบและตกแต่งเป็นสำคัญ แต่ในด้านบริการไม่ใส่ใจในรายละเอียดของผู้เข้าพักแต่ละคน ซึ่งเป็นเสน่ห์ของบูติค โฮเต็ล ที่สร้างความประทับใจให้ผู้เข้าพัก รวมทั้งยังขาดความมีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเป็นที่พักในรูปแบบของบูติค โฮเต็ล อย่างแท้จริง
ดังนั้น ที่พักในรูปแบบของบูติค โฮเต็ล (รวมทั้งที่เรียกตัวเองว่าเป็น บูติค โฮเต็ล) ที่เกิดขึ้นจำนวนมากในประเทศไทยช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถดำเนินกิจการให้อยู่รอดได้นั้นมีอยู่ในอัตราไม่สูงนัก โดยสถาบันคีนันแห่งเอเชีย ประมาณการอัตราการอยู่รอดของบูติค โฮเต็ลในเมืองไทยไว้ที่ร้อยละ 50
การจะดำเนินกิจการบูติค โฮเต็ลให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้นั้น ขึ้นกับเงื่อนไขสำคัญที่สรุปได้ดังนี้
องค์ประกอบสำคัญของการเป็นที่พักแบบบูติค โฮเต็ลอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ซึ่งแสวงหาประสบการณ์ที่แตกต่างจากบริการแบบเดิมๆของโรงแรมขนาดใหญ่ทั่วไป คือ
• ที่พักขนาดเล็ก มีจำนวนห้องไม่มากนัก ใช้เงินลงทุนต่ำกว่าโรงแรมขนาดใหญ่ มีการตกแต่งและออกแบบอย่างมีสไตล์ที่ทันสมัยหรือร่วมสมัย โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่าง มีความเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง สามารถตอบสนอง lifestyle ของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ หรือลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
• การให้บริการลูกค้าอย่างเอาใจใส่และใกล้ชิด เข้าถึงเป็นรายบุคคล และบริการอย่างเป็นกันเองเสมือนหนึ่งลูกค้าเป็นสมาชิกในครอบครัว ต่าง จากบริการแบบมาตรฐานของโรงแรมขนาดใหญ่ที่เหมือนกันทุกแห่ง ดังนั้น พนักงานผู้ให้บริการแก่ลูกค้าที่มาพักจึงมีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นผู้สื่อสารและถ่ายทอดแนวคิดของโรงแรมให้แก่นักท่องเที่ยวผู้มาพัก โดยตรง ฉะนั้น จึงควรมีการคัดสรรและพัฒนาบุคลากรให้มีบุคลิกภาพ รวมทั้งสามารถนำส่งบริการให้ลูกค้าได้อย่างสอดคล้องกับแนวคิดของบูติค โฮเต็ลนั้นๆ
การประชาสัมพันธ์ และการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจโรงแรม ทำให้มักประสบปัญหาด้านการตลาดที่ค่อนข้างจำกัด และเสียค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ค่อนข้างสูง ผู้บริหารบูติค โฮเต็ลส่วนใหญ่จึงเลือกใช้การตลาดออนไลน์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่สามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวยุคใหม่ได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งการลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ โรงแรมไว้กับเว็บไซต์ยอดนิยมในหมู่นักเดินทาง และเว็บไซต์จองห้องพักทางอินเตอร์เน็ต เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่จัดการเดินทางกันเองส่วนใหญ่นิยมค้นหาข้อมูล ที่พักผ่านทางอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ ยังควรนำเสนอข้อมูลที่พักในกลุ่มโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ซึ่งมีการสื่อสารภายในกลุ่มผ่านเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไอโฟน ไอแพด และโทรศัพท์แอนดรอยด์ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่ผู้ใช้บริการบูติค โฮเต็ลเริ่มปรับเปลี่ยนการจองห้องพักและการสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ ไปใช้ผ่านเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ข้างต้น
ระบบ การบริหารจัดการธุรกิจที่ดี โดยเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม และชุมชน เพื่อสร้างความสมดุลที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนของกิจการ นอกจากการมีระบบการบริหารจัดการในด้านธุรกิจที่ดี (เน้นการประหยัดต้นทุน จากการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น) เพื่อช่วยกิจการสามารถอยู่รอดได้แล้ว ควรเชื่อมโยงกิจการกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และ ชุมชนในท้องถิ่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รองรับกระแสที่กำลังมาแรงในต่างประเทศ รวมทั้งเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวกับวิถีวัฒนธรรมของชุมชนในท้องถิ่น เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เลือกที่จะเข้าพัก และเมื่อมาสัมผัสแล้วเกิดความประทับใจจะนำไปสู่การประชาสัมพันธ์ในลักษณะการ บอกกันปากต่อปาก ทั้งในหมู่คนใกล้ชิดและแชร์ประสบการณ์กันในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ส่งผลดีในด้านการตลาดได้อีกทาง
สภาวะการแข่งขัน... จุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรค ของธุรกิจบูติค โฮเต็ล |
การทำธุรกิจบูติค โฮเต็ล มีความโดดเด่นอยู่ที่การดีไซน์ในสไตล์ต่างๆ และการให้บริการที่ใส่ใจรายละเอียดลูกค้าแต่ละราย ซึ่งหากพิจารณาในด้านความพร้อมของทรัพยากรการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ และหลากหลายประเภทแล้ว นับว่าเอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเสนอบูติค โฮเต็ลได้หลายรูปแบบในหลายพื้นที่ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวที่ มองหาที่พัก ซึ่งสามารถสะท้อนความเป็นตัวตนหรือไลฟ์สไตล์ของพวกเขาได้ โดยนักท่องเที่ยวที่เลือกใช้บริการบูติค โฮเต็ล ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพมีกำลังซื้อสูง นับเป็น ประเด็นหลักที่จูงใจให้นักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายเล็กสนใจเข้ามาลงทุนใน ธุรกิจบูติค โฮเต็ลมากขึ้น รวมทั้งเชนบริหารโรงแรมต่างประเทศที่เริ่มขยายธุรกิจเข้ามารับบริหารธุรกิจ บูติค โฮเต็ล ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางราย และผู้ประกอบการอิสระที่มีประสบการณ์จากการบริหารเชนโรงแรมต่างชาติในหลาย ภูมิภาค รับบริหารบูติค โฮเต็ลโดยเฉพาะ โดยเจาะตลาดผู้ประกอบการมือใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้ทั้งบูติค โฮเต็ลขนาดเล็กๆ ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย และบูติค โฮเต็ลที่มีขนาดกลางๆ ในระดับ 5 ดาว ทั้งนี้ด้วยการเติมเต็มในด้านรูปแบบการบริหารอย่างมืออาชีพ และการสร้างสไตล์ของบูติค โฮเต็ลเพื่อมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่าง ทำให้เป็นโรงแรมที่มีความเป็นหนึ่งเดียว (unique) รวมทั้งมีระบบการจองที่พักร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร และทำการตลาดในต่างประเทศด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันจะมีผู้ประกอบการหลายกลุ่มสนใจลงทุนในธุรกิจบูติค โฮเต็ล เพิ่มมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยก็ยังสามารถเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน แม้มีเงินลงทุนไม่มาก โดยเริ่มจากการศึกษาจุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรค เพื่อประเมินสภาวะตลาดธุรกิจบูติค โฮเต็ล และวางแผนธุรกิจ ซึ่งสามารถปรับใช้ได้กับทั้งผู้ประกอบการรายใหม่และผู้ประกอบการที่อยู่ใน ธุรกิจนี้อยู่แล้ว ซึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้สรุปไว้ในเบื้องต้น ดังนี้
Strengths
• ความอุดมสมบูรณ์และหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ ของไทย เกื้อหนุนให้ธุรกิจบูติค โฮเต็ล ของไทยมีความหลากหลาย ซึ่งสามารถสะท้อนความเป็นตัวตน หรือ ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มได้อย่างกว้างขวาง อาทิ บูติค โฮเต็ลในทำเลชุมชนเก่าแก่ย่านเกาะรัตนโกสินทร์, บูติค โฮเต็ลในเชียงใหม่ ท่ามกลางวัฒนธรรมล้านนา, บูติคโฮเต็ลในแหล่ง ท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทต่างๆในทุกภูมิภาค ทั้งป่าภูเขา และแม่น้ำ รวมถึงเกาะ และชายทะเล • ความโดดเด่นของเอกลักษณ์ความเป็นไทย ในด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีในแต่ละท้องถิ่น เหล่านี้ล้วนช่วยเกื้อหนุนธุรกิจบูติค โฮเต็ลของไทยให้มีความเข้มแข็งของลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างไม่เหมือนใคร • อุปนิสัยที่ยิ้มแย้ม เป็นมิตร และมีไมตรีจิตของคนไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนต่อการให้บริการอย่างเอาใจใส่ และเข้าถึงผู้มาเยือนแต่ละราย ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่สำคัญของธุรกิจบูติค โฮเต็ลที่สามารถสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าพักได้มากกว่าการบริการแบบ มาตรฐานของโรงแรมขนาดใหญ่ที่เหมือนๆกันทุกแห่ง • ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านค่าครองชีพที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งภายในภูมิภาคเดียวกัน จึงเกื้อหนุนต่อธุรกิจบูติค โฮเต็ลที่เป็นโรงแรมขนาดเล็ก ทำให้มีความได้ เปรียบในการขยายตลาดพำนักระยะยาวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Long Stay) ที่ให้บริการในบรรยากาศอบอุ่นเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว |
Weaknesses
• ขาดการบริหารจัดการทรัพยากรท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตอบรับกระแสการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวด ล้อมของนักท่องเที่ยวในต่างประเทศที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน • ขาดการสร้างความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง Theme ที่ชัดเจนของโรงแรม และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัส • ขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะในด้านภาษาต่างประเทศ ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย และ ภาษาในกลุ่มประเทศอาเซียน • ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินที่ถดถอยลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศในช่วงที่ผ่านมา • ระบบคมนาคมขนส่งที่ควรเร่งพัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ ต้องการเดินทางระหว่างภูมิภาคต่างๆ ของไทย และเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนของไทย ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดัง กล่าว • ขาดองค์ความรู้เพื่อพัฒนาด้านการออกแบบและตกแต่ง และการให้บริการ รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพของบุคลากร ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านท่องเที่ยวในการฝึกอบรมผู้ประกอบ การและผู้ให้บริการ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำแนวคิดใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้กับบูติค โฮเต็ล |
Opportunities
• กระแสการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่กำลังมาแรงในต่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างตื่นตัวอยากมีส่วนร่วมในการช่วยลดการก่อให้เกิดสภาวะ การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม รวมทั้งภูมิอากาศ เป็นโอกาสที่เอื้อต่อการพัฒนาบูติค โฮเต็ลใน Lifestyle แบบ green idea • การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของภาครัฐ และภาคเอกชน โดยเฉพาะกิจกรรมต่างๆที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาด ช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและต่างชาติ • การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 จะช่วยขยายตลาดนักท่องเที่ยวในภูมิภาคให้กว้างขวางขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกอาเซียนกันเอง และนักท่องเที่ยวจากภายนอกภูมิภาคอาเซียน • แนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผู้สูงอายุในวัยเกษียณของประเทศที่พัฒนา แล้วทั้งหลาย ทำให้ความต้องการแหล่งพำนักระยะยาว (Long Stay)ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นตามลำดับ เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจบูติค โฮเต็ล เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ |
Threats
• ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในตลาดท่องเที่ยวหลัก เช่น ยุโรป • การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่ทวีความรุนแรงจากกลุ่มประเทศในภูมิภาคอา เซียน ซึ่งต่างหันมาส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ รวมทั้งประเทศซึ่งเริ่มเปิดประเทศ คือ พม่า ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติในขณะนี้ • การแข่งขันในธุรกิจบูติค โฮเต็ลที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งจากบูติค โฮเต็ลขนาดเล็กกันเอง และจากบูติค โฮเต็ลระดับ 5 ดาว ที่บริหารโดยเชนโรงแรมต่างประเทศ ที่เริ่มขยายเครือข่ายการรับบริหารและการลงทุนเข้ามาในธุรกิจบูติค โฮเต็ลเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเสียเปรียบในด้านเงิน ลงทุน และด้านการบริหารจัดการ รวมทั้งด้านการตลาด • การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 จะยิ่งเพิ่มการแข่งขันในธุรกิจบูติค โฮเต็ล กล่าวคือ จะมีการขยายการลงทุนจากประเทศในภูมิภาคอาเซียนเข้ามาในธุรกิจบูติค โฮเต็ล ในหลายพื้นที่ของไทย อาทิ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดร หนองคาย เป็นต้น โดยมีแนวโน้มจะจ้างเครือข่ายเชนโรงแรมชั้นนำจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจบูติค โฮเต็ลของไทย |
บทสรุป และข้อเสนอแนะ |
ประเทศไทยมีความได้เปรียบหลายประการที่เกื้อหนุนต่อธุรกิจบูติค โฮเต็ล ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดไม่ใหญ่นัก (ไม่เกิน 200 ห้อง) โดยเฉพาะปัจจัยเกื้อหนุนในด้านความพร้อมของทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว ที่มีอยู่หลากหลายประเภท ทำให้สามารถพัฒนาบูติค โฮเต็ล ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มได้อย่างลงตัว ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมและความต้องการโดยรวมที่เปลี่ยนแปลงไปของ ลูกค้าในอนาคต อาทิ
• การใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง >> ผู้ประกอบการบูติค โฮเต็ล ควรพัฒนาและนำเสนอดีไซน์ที่ชัดเจน รวมถึงการใส่ใจให้บริการแก่ผู้มาใช้บริการ
• ความภักดีในแบรนด์น้อยลง >> ผู้ประกอบการบูติค โฮเต็ล ควรพัฒนาช่องทางในการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูล และสร้างความสัมพันธ์อย่างยั่งยืน
• มีความต้องการสูง (Demanding) >> บุคลากรผู้ให้บริการควรแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของแขกที่มาพักแต่ละราย
ดังนั้น ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีความสนใจลงทุนทำธุรกิจบริการที่พักแก่นักท่อง เที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบูติค โฮเต็ล ควรพิจารณาศักยภาพความพร้อม ของตน ทั้งด้านเงินทุน เอกลักษณ์ของอาคาร/สถานที่ บุคลากร และกลยุทธ์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักท่องเที่ยว รวมถึง Trend ที่ตลาดนักท่องเที่ยวในอนาคตคาดหวัง อาทิ ห้องพักประหยัดพลังงาน หรือห้องพักสีเขียวตามแนวทางการท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism) ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเสนอจุดขายด้าน ที่พักและบริการที่เหนือความคาดหวังแก่ผู้มาใช้บริการ
-----------------------------------------------
แหล่งที่มาข้อมูล : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) , www.thailandboutiquewards.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น