บทความ

มาจัดการเงินทองหลังเกษียณกันเถอะ

รูปภาพ
มาจัดการเงินทองหลังเกษียณกันเถอะ 13 สิงหาคม 2556 ห้องความรู้บัวหลวง (บทความ)           ถ้าจะสรุปลักษณะร่วมกันของคนวัยหลังเกษียณ ก็คือ วัยที่มีรายได้น้อยลง ค่าใช้จ่ายตามการใช้ชีวิตเดิมๆ น้อยลง แต่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพกลับมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนมีโอกาสสูงมากที่จะเกินกว่ารายได้รายเดือน ยิ่งสูงวัยมากขึ้น รายได้ก็หดหายลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน อย่างเก่งก็เหลือแต่เงินบำนาญจากราชการ ประกันชีวิตแบบบำนาญ และบำนาญจากประกันสังคมไม่กี่ร้อยบาท (ซึ่งถึงจะยังมีบำนาญ แต่ก็มีค่าน้อยลงตามภาวะเงินเฟ้ออยู่ดี)           ดังนั้น แผนการจัดการหนี้สินเงินทองที่ชาญฉลาด ที่อดทนเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตจะมีความสำคัญอย่างที่สุด โดยเฉพาะคนโสด คนแต่งงานแต่ไม่มีลูก หรือแม้แต่คนที่มีลูก แต่เขาไม่เลี้ยง!! ทำอย่างไร ให้เงินที่มีเพียงพอต่อการใช้ไปจนลมหายใจสุดท้าย ทำอย่างไร กับหนี้สินก้อนใหญ่ที่ยังคงเหลืออยู่ ทำอย่างไร ให้เงินออมที่มียังคงงอกเงย ให้ผลตอบแทน ทำอย่างไร ให้เงินออมไม่ต้องไปลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงจนเกินไป            มีเรื่องที่ต้องพ

ภาษีที่เกียวข้องกับการขายอสังหาริมทรัพย์

ตัวอย่างที่ (1)    การขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรือ ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา 1. ข้อมูล 1.1 จดทะเบียนขายเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2549 อสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาเมื่อ พ.ศ.2545 ถือครองมา 5 ปี วันนี้ได้ตกลงโอนในราคา 2,800,000 บาท และพนักงานเจ้าหน้าที่คำนวณราคาประเมินทุน ทรัพย์ ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เป็นเงิน 2,000,000 บาท 1.2 กรณีได้มาโดยทางมรดก หรือที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ให้หักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 ของเงินได้ 1.3 บัญชีอัตราภาษีเงินได้ สำหรับบุคคลธรรมดา เงินได้สุทธิไม่เกิน 100,000 บาท ร้อยละ  5 

» กรณีศึกษา : จากหนี้บัตรเครดิต 14 ใบ สู่จุดเปลี่ยนชีวิต...จนผ่านพ้นมรสุม

» กรณีศึกษา : จากหนี้บัตรเครดิต 14 ใบ สู่จุดเปลี่ยนชีวิต...จนผ่านพ้นมรสุม โทรศัพท์รุ่นใหม่...ผลิตภัณฑ์หน้าใสเสริมความงาม...กระเป๋ารองเท้าตาม แฟชั่น...เสื้อผ้าแบรนด์ดังขึ้นป้ายลดราคา และสารพันสินค้าที่โลกโฆษณากระหน่ำเชิญชวนให้อยากเป็น เจ้าของ ...คือ `หลุมพราง´ ที่สาว ๆ ยุคใหม่หลายคนยินยอมพร้อมใจก้าวเข้าไปเป็นเหยื่อ แต่เมื่อเงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะครอบครองสิ่งของนอกกายเหล่า นั้น..."บัตรเครดิต" สารพัดเจ้า ก็เลยกลายเป็นเพื่อนยามยากให้เราได้พึ่งพายามต้องการใช้เงินในอนาคต และ "จินตนา เอกสุข" เธอผู้นี้ก็คือหนึ่งในทาสของบัตรรูดปรื๊ด :::::::::::::::::: • เป็นเศรษฐีนี...ด้วยบัตรสิบสี่ใบ! สินค้าเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดีจำนวนมากถูกซื้อด้วยบัตรเครดิต 14 ใบ ที่เซ็นชื่อ "จินตนา เอกสุข" มนุษย์เงินเดือนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่ทุกเย็นหลังเลิกงานมีกิจวัตรคือการเดินช้อปปิ้งในห้างดัง และทานอาหารร้านหรูมีระดับ เธอบอกว่า เมื่อ 8 ปีก่อน เธอใช้เงินอย่างไร้สติมาก ทำบัตรเครดิตหลายสิบบริษัท ตามค่านิยมผิด ๆ ที่เธอคิดไปเองว่า การได้ไปอยู่ในสังคมดี ๆ กินอ

ทำไมผมถึง"ไม่กล้า"เล่นหุ้น (เขียนตอนหุ้นกำลังขึ้น..12กย.2556)

ทำไมผมถึง"ไม่กล้า"เล่นหุ้น (เขียนตอนหุ้นกำลังขึ้น..12กย.2 556) อย่างที่เคยเล่า...ผมเป็นประธาน บริษัทหลักทรัพย์ที่คนเค้าเบื่อ มาก เพราะใครถามเรื่องหุ้น ก็ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวกับใครเ ขาเลย บางคนหาว่าอมภูมิไปโน่นเลยก็มี ทั้งๆที่ความจริงผมไม่รู้จริงๆว ่าหุ้นรายตัว เวลาไหนเป็นอย่างไร แถมส่วนมากไม่รู้จักหุ้นที่คนถา มเลยด้วยซำ้ แต่ถ้าเรื่องของตลาดทุนโดยรวม เรื่องของกลยุทธธุรกิจในตลาดทุน ผมก็จะโม้ไ ด้ว่าเรียนมาเยอะ ทำมาเยอะ (กระนั้นก็พูดได้ว่ารู้บ้าง อย่าว่าแต่รู้หมดเลยครับ รู้มากยังไม่กล้าอ้างเลย) ก็เพราะผมไม่"เล่นหุ้น"นี่ครับ แถมแทบจะไม่ได้แม้แต่จะ"ลงทุน"ใ นหุ้นรายตัวเลยด้วยซำ้ ไม่โกหกว่ามีการซื้อบ้าง นานๆครั้งเมื่อเกิดมีข้อมูลที่น ่าสนใจ(ที่รับรองว่าไม่ใช่insid e ผิดกม.) และซื้อทีก็ไม่เคยขายก่อนหนึ่งป ี ในบัญชีหุ้นผมตอนนี้ มีหุ้นKKP หุ้นเดียวเท่านั้น ที่ได้มาเพราะการแลกหุ้นจากหุ้น ภัทร ที่ถือมาตั้งแต่ปี 2003 เพราะทำManagement Buy Out ทำไมคนทำงานตลาดหุ้นไม่เชื่อมั่ นตลาดไทยหรือ...เปล่าครับ ผมมีเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่เ คยน้อยกว่า ร้อย

หกเหตุผล ทำไมเราไม่ควร"เล่นหุ้น"ด้วยตัวเอง. (เขียนวันหุ้นแกว่ง...13กย.2556) by คุณ Banyong Pongpanich

หกเหตุผล ทำไมเราไม่ควร"เล่นหุ้น"ด้วยตัวเอง. (เขียนวันหุ้นแกว่ง...13กย.2556) เมื่อวานผมเขียนเล่าประสพการณ์โง่ๆในอดีตของตัวเองเกี่ยวกับตลาดหุ้น ตอนเริ่มเขียนหลังข้าวเที่ยง ตลาดยังบวกสี่ห้าจุด เลยวงเล็บไว้ว่า เขียนเมื่อวันหุ้นขึ้น บ่ายติดประชุม มาเขียนต่อตอนเย็น ไม่ได้ดูว่าตลาดปิดยังไง(ก็ไม่ได้เล่นหุ้นนี่ครับ) เช้าขึ้นมาถึงได้เห็นว่าติดลบกว่า สิบสามจุด เกือบหนึ่งเปอร์เซ็น(เปอร์เซ็นละแสนล้านบาทเศษ) เห็นมะครับ ...ฝีมือพยากรณ์...แค่สามชั่วโมงยังใบ้ผิด แล้วดันเคยริอ่านอยากจะเป็นเซียน น่าหัวร่อนัก (วันนี้เริ่มเขียนเช้า เลยบอกว่าหุ้นจะแกว่ง น่าจะถูก...ถ้าไปทางเดียว...ผิดอีก จะเลิกเขียนเรื่องหุ้นซักเดือน) ผมบอกไปแล้วว่า ในตลาดที่พัฒนาแล้ว คนส่วนใหญ่จะลงทุนผ่านกลไกการจัดการลงทุนมืออาชีพ ไม่เข้ามาซื้อขายหุ้นโดยตรง กลไกพวกนี้ได้แก่ กลุ่มที่เป็นcaptive เช่น Pension Funds, Provident Fundsไปถึงพวกสมัครใจ เช่น Mutual Funds, Insurances, Hedge Funds และกลุ่มอื่นๆ เช่น Endowment Funds ของมหาลัย มูลนิธิต่างๆ มีสินทรัพย์รวมกันมากกว่า US$ 80 ล้านล้าน เท่ากับ 2,500ล้

ชีวิตหนี้เป็นหนี้ทองคำ

ชีวิตนี้เป็นหนี้ทองคำ --------------------- วรวรรณ ธาราภูมิ 13 กันยายน 2556 (เคยเขียนไว้เมื่อ 18 ธันวาคม 2554) ลุงมาร์ค ฟาเบอร์ เจ้าของฉายา Dr.Doom เคยเล่าเรื่องของ Marion Szablicki ผู้เป็นปู่ของลุงมาร์ค และเราจะเรียกท่านว่า “ปู่มาคิยง” ซึ่งหากเป็นคนจีนเราก็คงจะเรียกท่านว่า ย้งเล่ากง ลุงมาร์ค เล่าว่า การเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ของลุงเริ่มตั้งแต่ลุงยังเป็นลูกเจี๊ยบ และครูคนแรกก็คือ ย้งเล่ากง นี่เอง น่าสนใจจริงๆ เพราะปู่มาคิยง หรือ ย้งเล่ากง สอนลุงมาร์ค เรื่อง “คุณค่าของทองคำ” เป็นเรื่องหลักเลยละ ทำให้นึกไปถึงคุณทวดของเราเองที่บ้านอยุธยา เพราะตอนเรายังเป็นลูกเจี๊ยบ คุณทวดจะจับไปนั่งตัก ปั้นข้าวสุกร้อนๆ เป็นคำเล็กๆ ใส่ปาก แล้วตามด้วยเกลือเม็ดเล็กๆ ให้แทะ ในระหว่างนั้น คุณทวดก็จะเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ ๕) เล่าเรื่องชาดกเก่าๆ แบบสุวรรณสาม ยอพระกลิ่น เล่าเรื่องประวัติบรรพบุรุษ และเรื่องการรู้จักหากับวิธีเก็บรักษาเงินโดยสั่งสอนให้สะสมเป็นทองคำไว้ เผื่อเกิดสงคราม เพราะค่าเงินจะลดฮวบฮาบ แต่ค่าทองตรงกันข้าม ใครที่เคยเหยียดหยาม ดูหมิ่น ว่าคนโบราณเป็นไดโน