บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2013
เคยเตือนน้องคนรู้จักคนนึงเรื่องการซื้อบ้าน กะว่าซื้อบ้านให้พ่อแม่อยู่ หลังนึง 3 ล้านกว่าๆ พ่อแม่เคยอยู่ตึกแถวในตลาด  อารมณ์อยากมีบ้าน มีบริเวณ จะได้มีที่จอดรถ น้องก็พาพ่อแม่ไปดูบ้าน  ก็้ชอบกันหมดทุกคน  น้องเลยจัดการซื้อเลย ผ่อนเดือนนึงก็หลายอยู่ พอเอาเข้าจริง ตอนแรกก็ไปนอนบ้าง แต่งบ้าน จัดสวน ทุกสิ่งอย่าง ผ่านไปเริ่มไม่อยากไป เพราะไกลจากบ้านเดิมมาก ไปนอนได้สัปดาห์ละวัน หนักๆเข้า พ่อแม่เริ่มงอแง ไม่ไปอยู่ ที่นีลูกก็ผ่อนไป ตัวเองก็ไปอยู่สัปดาห์ละวัน อยากบอกว่า  การเปลี่ยนวิถีชีวิตคนแก่เป็นเรื่องยาก  บางคนก็ไม่อยากขัดใจลูก บางคนก็อารมณชัววูบ อยากได้บ้าน น้องก้เสียโอกาสในการเก็บเงิน ต้องเอาไปผ่อนบ้าน  แล้วบ้านก็ไม่ได้ขายกันง่ายๆ เกิดหนี้ที่ไม่จำเป็นเลย เหตุการณ์นี้ก็เคยเกิดขึ้นกับผม  หลายคนคงอยากให้พ่อแม่อยู่สบาย ไปซื้อบ้านในหมู่บ้าน เหมือนเอานกไปขังกรง คนแก่ไม่มีสังคม อยู่อย่างหงอยๆ  สุดท้ายก็เลือกอยู่บ้านเก่าในตลาด บ้านในหมู่บ้านอยู่ไม่ได้  เลยให้เช่า สุดท้ายก็ขายไป  เพราะฉะนั้นซ์้ออะไรคิดให้ดีครับ อย่าทำให้ตัวเองเสียโอกาส

ซื้อประกันเท่าไหร่จึงจะพอดี

ซื้อประกันเท่าไหร่ถึงจะพอดี ไม่มากจนเกินเป็นภาระเกินไป อันนี้เอามาจากรายการวิทยุที่ได้ฟัง เขาบอกว่าให้ ทำรายการทรัพย์สินทั้งหมด เช่น บ้าน ที่ดิน หุ้น พันธบัตร เงินสด ทองคำ รถ   แล้วลบด้วยหนี้สินทั้งหมด เช่น หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต จะเหลือทรัพย์สินสุทธิเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น คุณเจมส์จิ อายุ 30 ปี คือกำลังหลักของครอบครัว มีทรัพย์สิน 2 ล้านบาท มีภาระผ่อนบ้าน ยอดหนี้บ้าน 3 ล้านบาท   มีพ่อแม่ไม่รายได้อะไรเพราะเกษียณแล้ว อายุ 65 และ 63 ปี มีภรรยาซึ่งมีรายได้ต่อปี 600,000 บาท มีลูก 1 คน อายุ 3 ขวบ มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 50,000 บาท   การทำประกันที่ดีนั้น ต้องไม่ทำมากเกินไป เพราะเป็นภาระผูกพันระยะยาว 5- 15 ปีที่ต้องส่งเบี้ยประกันทุกๆปี แต่ไม่ควรทำน้อยเกินไป เพราะถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดกับรายได้หลัก จะมีคนเดือดร้อนอีกหลายคน เช่น ถ้าคุณเจมส์จิ ตาย บ้านไม่มีประกันก็อาจโดนยึดขายทอดตลาด พ่อแม่ก็ลำบาก จะเอาอะไรกิน เจ็บไข้ได้ป่วย จะเอาเงินที่ไหนไปรักษา ลูกก็ต้องลำบาก กำลังเล็ก ไหนจะต้องเข้าโรงเรียน ก็ต้องใช้เงินเพื่อการศึกษาเล่าเรียนอีก เรามาคิดทุนประกันที่เห

ผ่อนบ้านอย่างไรให้หมดเร็ว

หลายคนที่กำลังมองหาบ้านหลังแรกอยู่อาจจะยังไม่รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของการ “ผ่อนบ้าน” เพราะคนที่มีบ้านเป็นของตัวเองนั้นน้อยคนที่จะสามารถซื้อบ้านเป็นเงินสดๆ ได้ ต้องอาศัยการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ค่างวดแต่ละงวดก็จะกลายไปเป็น “ดอกเบี้ย” เสียส่วนใหญ่ กว่าจะผ่อนกันหมดก็อาจจะแก่ไปก่อน แต่สำหรับผมแล้วหนี้ก้อนนี้ผมจะถือว่าเป็น “หนี้แห่งความสุข” ครับ เพราะการที่เรามีบ้านเป็นของตัวเองนั้นมันเป็นความสุขที่ไม่อาจบรรยายกันได้ เลย สำหรับระยะเวลาผ่อนส่งบ้านที่ ยาวนาน 20-30 ปี ถ้าหากเริ่มต้นผ่อนที่อายุ 30 ปี บางคนจะผ่อนหมดเมื่ออายุ 60 ปี หรือเกษียณพอดี คนบางกลุ่มถามว่าทำไมไม่เริ่มให้เร็วกว่าอายุ 30 ปี เช่น อายุ 25 ปี หรือน้อยกว่านั้น คำตอบในใจของมนุษย์เงินเดือนที่เคยผ่อนบ้านหลังแรกคงจะตอบด้วยเสียงเบาๆ ว่า… เริ่มเร็วนั้นยากเพราะกว่าที่จะสะสมเงินดาวน์บ้านให้ได้สักหลัง คิดอย่างง่ายๆ ที่ 500,000 บาท ทำงานกี่ปีจึงจะมีเงินเก็บเท่านี้ ที่สำคัญคนที่มีวินัยทางการเงินต่ำ ทำงานใหม่ๆ มีเงินก้อนจากโบนัส หรือได้เงินเดือนเพิ่มนิดๆ หน่อยๆ ก็ผันไปเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกอื่น เช่น โทรศัพท์มือถือหรือรถยนต์กันเ

จะหมดปี 56 แล้วทำกันไปได้กี่ข้อแล้วครับ

รูปภาพ
ยังไงก็ทบทวนกันก่อนจะสิ้นปีนะครับ อันดับแรกเลย ทำบัญชีรายรับรายจ่ายกันหรือยัง กันเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน ไว้สัก 3 ถึง 6 เดือนของรายจ่ายทุกเดือนนะครับ เช่น รายจ่ายทุกเดือนอยู่ที่ 20,000 บาท ก็ควรมีเงินออมซัก 60,000 ถึง 120,000 บาทก่อนนะครับ ก่อนที่จะคิดทำอะไรต่อไปครับ หลังจากนั้นก็ทบทวนความคุ้มครองให้กับตัวเองและคนในครอบครัว   คุณมีประกันชีวิตหรือยังครับ ประกันสุขภาพล่ะ  ถ้าคุณเป็นอะไรไปครอบครัวคุณเดือดร้อนหรือไม่   หรือ เกิดเจ็บป่วยมีอะไรมาทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปหรือไม่ครับ คิดทำประกันให้คนในครอบครัวด้วยก็ดีครับ การทำประกันหลายท่านอาจคิดว่าเสียเปล่า แต่ผมมองว่าเป็นการใช้เงินเล็กรักษาเงินก้อนใหญ่ บางท่านเงินเก็บมาทั้งชีวิตหมดไปเมื่อไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุ การทำประกันเหมือนส่งต่อความเสี่ยงให้กับบริษัทประกันครับ แล้วจะมาพูดถึงข้ออื่นๆต่อไปนะครับ

บทเรียนสอนใจคนซื้อคอนโดเก่า

จากผู้เช่า เป็นเจ้าของ เท้าความไปเมื่อปี ๔๙ ผมได้จองซื้อคอนโดวันแถวลาดพร้าว หลัง จากที่ได้อาศัยข้อมูลในเวปพันธ์ทิพย์ ห้องชายคา คอนโด เลยตัดสินใจลางานไปจอง การอ่านความเห็นของคนที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นกูรู ก็มีผลต่อการตัดสินใจของเราเหมือนกัน ตอนนั้นประสบการณ์เรายังอ่อนด้อยในเรื่องคอนโดเป็นอย่างมาก บรรยากาศ วันจองก็เต็มไปด้วยผู้คน ที่ซื้ออยู่เองก็มี เก็งกำไรก็เยอะ เราได้มาห้องหนึ่ง กะเอาไว้อยู่เอง คอนโดมี เก้าชั้น เราได้ห้องมุมชั้นแปด จำเนียรกาลผ่านไป เมื่อเดือนเมษายน ๕๑ ทางโครงการแจ้งว่าจำเป็นต้องทำการทุบชั้นเก่าทิ้ง เพราะเกินกว่าความสูงที่กฏหมายกำหนด คือมันจะเกิน ๒๓ เมตร ต้องเว้นระยะข้างมากกว่าเดิม ซึ่งคอนโดคงเว้นไม่ได้เพราะติดบ้านคน เขาถามเราว่าจะเอาไหม เราบอกว่า เราไม่อยากอยู่ชั้นบนสุด ร้อน รั่ว ซึม ขอเงินเราคืนมาเถอะ เขาก็ให้คืน แต่เราต้องไปเซ็นต์สัญญาว่าจะไม่ฟ้องเขา หลังจากนั้นมาเราก็เริ่มหันมามองคอนโดเก่านอกกระแสซักหน่อย ในที่สุดผมก็ได้ซื้อคอนโดเก่า สร้างเมื่อปี ๓๗ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ว่ามันเก่า ที่ซื้อเพราะอยากมีที่อยุ่ ไม่อยากเช่า อยากแต่งห้อง อะไร

วางแผนเกษียณ

วังว่าอายุ 40 หนี้ที่มีอยู่จะเบาบางลง ตอนนี้ก็ทยอยใช้ไปเรื่อยๆ บางทีก็เบื่องานประจำเหมือนกัน มันมีอารมณ์อยากลาออกเป็นบางครั้ง อายุ 50 จะมีเงินลงทุนซัก 5 ล้าน ซื้อกองทุน พันธบัตร หุ้นกู้ ได้ผลตอบแทนซักปีละ 5% หักภาษีแล้ว ก็ได้ 250,000 เฉลี่ยเดือนละ 20,000 มีห้องเช่า 4 ห้อง ได้เดือนละ 6,000 ทาวน์เฮ้าส์ให้เช่า น่าจะได้เดือนละ 4,000-5,000 ทาวน์เฮ้าส์ในเมือง ให้เช่า น่าจะได้เดือนละ 7,500 รวมๆ เดือนละ 37,000 ก็ไม่เลวนะ ยังไงขอฝันเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เป็นหนี้อยู่ 3 ล้านกว่าบ้าน เหมือนติดลบ ผ่อนทาวน์เฮ้าส์ 2 หลัง ห้องเช่าที่ไปสร้างไว้อีก สู้กันต่อไป

การบริหารเงินของผู้เกษียณ

การบริหารเงินของผู้เกษียณ 21 ตุลาคม 2556 ห้องความรู้บัวหลวง (บทความ)            สิ่งที่ต้องระมัดระวัง           1. การจ่ายเงินก้อนให้ลูกหลาน หรือเพื่อนฝูง เช่น เพื่อนขอยืม ซื้อรถให้ลูกหลาน ต้องมั่นใจว่าไม่กระทบต่อเงินออมเพื่อดำรงชีพหลังเกษียณของเรา จะให้ดีก็อย่าไปให้เลย เพราะนี่คือเงินก้อนสุดท้ายของเรา           2. ระวังอาชีพใหม่ที่ต้องลงทุนสูง เช่นหลายคนมีความฝันจะไปทำสวนทำไร่ ซื้อที่ลงทุน ปลูกบ้านในต่างจังหวัด ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กๆ  แต่ลืมไปว่าตนเองไม่มีประสบการณ์มาก่อน และไม่มีแรงเท่าวัยหนุ่มสาว อาจทำให้เงินที่ทำงานมาทั้งชีวิตหดหายไป           3. ระวังการต้มตุ๋น โดยเฉพาะเวลามีคนเข้ามาเยินยอความสำเร็จในอดีต ทำให้หลงเชื่อ ถูกหลอกให้จ่ายเงินได้ มารเหล่านี้มักพุ่งเป้าหมายที่คนสูงอายุเพราะมีเงินก้อนในมือ และไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมโจรทางที่ดีแล้วอย่าไปเป็นพ่อยกแม่ยกให้ใคร            เรื่องที่ต้องพิจารณาและเตรียมการทันที           1. เกษียณแล้วจะว่างจัด ความว่าง + เงินก้อนในมือ เสี่ยงต่อการใช้จ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง           2. ตร

โปรแกรมออมทอง อีกหนึ่งทางเลือกการออมครับ

รายละเอียดโปรแกรมออมทอง           โปรแกรมออมทองจะช่วยบริหารการออมของคุณ โดยนำเงินไปเฉลี่ยและทยอยซื้อทองให้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน บริษัทฯ จะนำเงินตามจำนวนที่ลูกค้าแจ้งและชำระไว้ (ขั้นต่ำ 1,000 บาท) ไปหารเฉลี่ยเป็นเงินออมต่อวันและซื้อทองคำให้ทุกวันทำการ เช่น เงินออมต่อเดือนคือ 1,000 บาท หากใน 1 เดือนมี 20 วันทำการ จะได้เงินออมต่อวัน = 1,000 บาท ÷ 20 วันทำการ = วันละ 50 บาท นั่นคือบริษัทฯ จะซื้อทองทุกวันทำการ ด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กัน วันละ 50 บาท โดยใช้ราคาทองคำตามประกาศของสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย เวลา 16.00 น. ของทุกวัน และทุกสิ้นวันทำการสุดท้ายของเดือน ทางบริษัทฯ จะแจ้งสถานะการออมของเดือนนั้นๆ ทาง e-mail พร้อมใบเสร็จรับเงิน โปรแกรมออมทองของบริษัท ออสสิริสฯ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนการออมได้ดังนี้

มีหนี้เท่าไร ถึงเรียกว่ามากเกินไป โดย...ธีระ ภู่ตระกูล CFP นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย / teeraphutrakul@gmail.com

มีหนี้เท่าไร ถึงเรียกว่ามากเกินไป โดย...ธีระ ภู่ตระกูล CFP นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย / teeraphutrakul@gmail.com   ในยามที่หนี้ครัวเรือนในประเทศอยู ่ในระ ดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่าง ในปัจจุบันที่ 80% ของ GDP ประเด็นที่หลายคนกังวล คือ มีหนี้สักเท่าไร จึงจะเรียกว่ามากเกินไปหรือมากเ กินตัว หนี้ประเภทไหน ที่น่าจะจัดการด้วยการใช้เครดิต แทนที่จะจ่ายเงินสด เพื่อช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ถูก ต้องในเรื่องการก่อหนี้ส่วนบุคค ล หรือ Personal Debt บทความนี้จะแสดงให้เห็นว่าระดับ ของการผ่อนหนี้บ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต และการเรียนควรอยู่ในอัตราเท่าใ ด จึงจะเรียกว่าเหมาะสม           รวมทั้งจะอธิบายวิธีที่ดีที่สุด ในการจัดการหนี้ส่วนตัวของท่านด ้วย ในโลกแห่งการบริโภคนิยมนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทีเดี ยวที่คนเราจะดำรงชีวิตในสังคมเม ืองโดยไม่มีการก่อหนี้ คนส่วนใหญ่ของสังคมไม่สามารถจ่า ยค่าซื้อบ้านเป็นเงินสด หรือซื้อรถด้วยเงินสด จ่ายค่าเล่าเรียนบุตรหลานเป็นเง ินสด (ยกเว้นกรณีส่งบุตรหลานไปศึกษาต ่อต่างประเทศ ซึ่งจะต้องชำระเงินสดในสกุลเงิน ต่างประเทศ) แต่พวกเราส่วนใหญ่ก็มักจะปล่อยใ ห้มีหนี

๑ ไร่ร่ำรวยตอนที่ ๔

รูปภาพ

๑ ไร่ร่ำรวย ตอนที่ ๓

รูปภาพ

๑ ไร่ร่ำรวยตอนที่ ๒

รูปภาพ

๑ ไร่ร่ำรวยด้วยเกษตรผสมผสาน

รูปภาพ

ทำไมขอสินเชื่อไม่ผ่าน แล้วจะทำยังไง

จาก คอลัมน์สต็อกช็อต โดย แฟมิลี่ โนฮาว ทำไมขอสินเชื่อไม่ผ่าน   แล้วจะทำยังไง ลองเอาวิธีของแบงค์ชาติไปพิจารณาดูนะ ปัยหาขอสินเชื่อไม่ผ่านอาจจะหลายสาเหตุ เช่น นโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินหรือผุ้ประกอบการแต่ละแห่งที่แตกต่างกัน   ภาระหนี้ที่มีอยู่ ความสามารถในการชำระหนี้ หลักประกันความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ   อย่างหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกัน โอกาสในการผิดนัดชำระหนี้มากหรือน้อย หรือประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม แบงค์ชาติกำหนดให้สถาบันการเงินต้องชี้แจ้งเหตุผลที่ไม่ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ขอสินเชื่อทราบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พูดง่ายๆ ต้องทำหนังสือตอบชี้แจงเหตุผลที่ไม่ให้สินเชื่อ และลงทะเบียนจัดส่งไปให้ผู้ขอสินเชื่อทราบ แล้วจะตรวจสอบความสามารถชำระหนี้กันยังไง อย่างแรกให้สำรวจความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ ซึ่งการชำระหนี้ไม่ควรเกิน ๑ ใน ๓ ของรายได้ในแต่ละเดือน เช่น ถ้ามีรายได้ 1.2 หมื่นบาทต่อเดือน จะผ่อนหนี้ได้ราวๆ 4,000 บาท ถัดมาให้ตรวจสอบภาระหนี้เดิม รวมกับหนี้ที่จะขอใหม่ว่ามีเยอะมั้ย คือ นำยอดการผ่อนชำระหนี้เดิมและยอดหนี้ที่จะขอใหม่ต่อเ

มาจัดการเงินทองหลังเกษียณกันเถอะ

รูปภาพ
มาจัดการเงินทองหลังเกษียณกันเถอะ 13 สิงหาคม 2556 ห้องความรู้บัวหลวง (บทความ)           ถ้าจะสรุปลักษณะร่วมกันของคนวัยหลังเกษียณ ก็คือ วัยที่มีรายได้น้อยลง ค่าใช้จ่ายตามการใช้ชีวิตเดิมๆ น้อยลง แต่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพกลับมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนมีโอกาสสูงมากที่จะเกินกว่ารายได้รายเดือน ยิ่งสูงวัยมากขึ้น รายได้ก็หดหายลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน อย่างเก่งก็เหลือแต่เงินบำนาญจากราชการ ประกันชีวิตแบบบำนาญ และบำนาญจากประกันสังคมไม่กี่ร้อยบาท (ซึ่งถึงจะยังมีบำนาญ แต่ก็มีค่าน้อยลงตามภาวะเงินเฟ้ออยู่ดี)           ดังนั้น แผนการจัดการหนี้สินเงินทองที่ชาญฉลาด ที่อดทนเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตจะมีความสำคัญอย่างที่สุด โดยเฉพาะคนโสด คนแต่งงานแต่ไม่มีลูก หรือแม้แต่คนที่มีลูก แต่เขาไม่เลี้ยง!! ทำอย่างไร ให้เงินที่มีเพียงพอต่อการใช้ไปจนลมหายใจสุดท้าย ทำอย่างไร กับหนี้สินก้อนใหญ่ที่ยังคงเหลืออยู่ ทำอย่างไร ให้เงินออมที่มียังคงงอกเงย ให้ผลตอบแทน ทำอย่างไร ให้เงินออมไม่ต้องไปลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงจนเกินไป            มีเรื่องที่ต้องพ

ภาษีที่เกียวข้องกับการขายอสังหาริมทรัพย์

ตัวอย่างที่ (1)    การขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรือ ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา 1. ข้อมูล 1.1 จดทะเบียนขายเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2549 อสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาเมื่อ พ.ศ.2545 ถือครองมา 5 ปี วันนี้ได้ตกลงโอนในราคา 2,800,000 บาท และพนักงานเจ้าหน้าที่คำนวณราคาประเมินทุน ทรัพย์ ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เป็นเงิน 2,000,000 บาท 1.2 กรณีได้มาโดยทางมรดก หรือที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ให้หักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 ของเงินได้ 1.3 บัญชีอัตราภาษีเงินได้ สำหรับบุคคลธรรมดา เงินได้สุทธิไม่เกิน 100,000 บาท ร้อยละ  5