ซื้อประกันเท่าไหร่จึงจะพอดี
ซื้อประกันเท่าไหร่ถึงจะพอดี ไม่มากจนเกินเป็นภาระเกินไป
อันนี้เอามาจากรายการวิทยุที่ได้ฟัง เขาบอกว่าให้
ทำรายการทรัพย์สินทั้งหมด เช่น บ้าน ที่ดิน หุ้น พันธบัตร เงินสด ทองคำ รถ แล้วลบด้วยหนี้สินทั้งหมด เช่น หนี้บ้าน หนี้รถ
หนี้บัตรเครดิต จะเหลือทรัพย์สินสุทธิเท่าไหร่
ตัวอย่างเช่น
คุณเจมส์จิ อายุ 30 ปี คือกำลังหลักของครอบครัว มีทรัพย์สิน 2
ล้านบาท
มีภาระผ่อนบ้าน ยอดหนี้บ้าน 3 ล้านบาท มีพ่อแม่ไม่รายได้อะไรเพราะเกษียณแล้ว อายุ 65
และ
63 ปี มีภรรยาซึ่งมีรายได้ต่อปี 600,000 บาท มีลูก 1
คน
อายุ 3 ขวบ มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 50,000 บาท
การทำประกันที่ดีนั้น ต้องไม่ทำมากเกินไป เพราะเป็นภาระผูกพันระยะยาว 5-
15 ปีที่ต้องส่งเบี้ยประกันทุกๆปี
แต่ไม่ควรทำน้อยเกินไป เพราะถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดกับรายได้หลัก
จะมีคนเดือดร้อนอีกหลายคน
เช่น ถ้าคุณเจมส์จิ ตาย บ้านไม่มีประกันก็อาจโดนยึดขายทอดตลาด
พ่อแม่ก็ลำบาก จะเอาอะไรกิน เจ็บไข้ได้ป่วย จะเอาเงินที่ไหนไปรักษา
ลูกก็ต้องลำบาก กำลังเล็ก ไหนจะต้องเข้าโรงเรียน
ก็ต้องใช้เงินเพื่อการศึกษาเล่าเรียนอีก
เรามาคิดทุนประกันที่เหมาะสม แบบกันพลาดกัน
ตามสูตรเขาแนะนำว่าควรให้ทุนประกัน คือเงินชดเชยเมื่อตาย หรือ
พิการทำมาหากินไม่ได้ควรจะครอบคลุม รายจ่ายต่อปี 3-4 ปี
ถ้าครอบครัวคุณเจมส์จิมีรายจ่าย 50,000 บาทต่อเดือน หรือ 600,000 บาทต่อปี
ก็ควรมีทุนประกันที่คุ้มครองประมาณ 2.4- ล้านบาท ทำไมต้อง 3 ปี เพราะว่า
ระยะเวลา 3 ปี โดยทั่วไปเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่ครอบครัวควรจะปรับตัวได้แล้ว
ที่นี้ ถ้าคุณตายแล้วไม่มีใครเดือดร้อน พ่อแม่มีเงินเก็บ หรือมีทรัพย์สินให้เก็บกินไปจนตาย หรือว่ามีเงินให้ลุกเรียนจนจบ
คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำประกันมากมาย เพราะว่าไม่คุ้มครับ
เอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า
การซื้อประกันเหมือนเราเอาความเสี่ยงออกไปให้บริษัทประกัน
เป็นการใช้เงินน้อยเพื่อรักษาเงินใหญ่
บางคนอุตส่าห์เก็บเงินมาตลอดชีวิต สมมติว่าได้ 4 ล้านบาท แต่เกิดเป็นมะเร็ง หรือโรคเรื้อรัง
หรือต้องผ่าตัด หมดเงินไป 3 ล้าน
โดยไม่มีประกันมาช่วยดูดซับความเสี่ยงและความซวยนี้อีกไป เหลือเงินแค่ ล้านเดียว หรือบางรายอาจไม่พอเลย
ลองหาประกันที่เหมาะสมกับตัวเองดูนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น