ความเป็นมาของบุติคโฮเต็ล


ความเป็นมาของบุติคโฮเต็ล

                บูติคโฮเต็ล (Boutique Hotel หรือ ฮิพ โฮเต็ล (Hip Hotel, Highly Individual Place) จัดเป็นแนวทางธุรกิจที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ด้วยจุดแข็งที่แตกต่างจาก ธุรกิจโรงแรมแบบดั้งเดิม เช่น รูปแบบการดีไซน์ และ การบริการที่เป็นอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำได้ในขนาดเล็ก สามารถทำได้ด้วยตัวเจ้าของเอง ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้นหาบรรยากาศใหม่ๆ ในการพักผ่อน โดยเฉพาะการเปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบุติคโฮเต็ลนั้น ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ ทางธุรกิจท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เป็นอย่างยิ่ง ด้วยจุดเด่นทางธุรกิจที่มีความสมดุลทั้งทางเศรษฐกิจ และ การอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรม เช่น
        เป็นการเปลี่ยนสินทรัพย์บ้านเก่าที่ไม่ได้ใช้งาน ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ
        เป็นการอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมบ้านเก่าให้อยู่ในสภาพที่สวยงาม ซึ่งผลให้ย่านนั้นเป็นพื้นที่ที่มีเสน่ห์ แบบย่านเมืองเก่า
        เป็นรูปแบบธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ซึ่งมีความคล่องตัว และมีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น สำหรับเจ้าของ
คำว่า boutique นั้น มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลวา ร้านเล็กๆ หรือพื้นที่ในห้างที่ขายเครื่องแต่งตัวที่ทันสมัย แต่ที่นิวยอร์ค มีนักธุรกิจสองคนได้ก่อตั้งโรงแรม “Morgans”  ที่ Madison A venue ใน Manhattan ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดัง Andree Putman และเรียนที่นี่ว่าเป็นบูติก โฮเต็ล ดังนั้น นัยของโรงแรมประเภทบูติกโฮเต็ลต่าจะหมายถึง โรงแรมขนาดเล็ก ที่มีความทันสมัย หรือ ร่วมสมัย
                อย่างไรก็ตาม บางท่านกล่าวว่า โรงแรมบูติกเกิดครั้งแรกในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษราว ๒๐ กว่าปีมาแล้ว ซึ่งในช่วงเวลานั้น เป็นเวลาที่โรงแรมเชน (Chain Hotel) ซึ่งเน้นความหรูหราและมีขนาดใหญ่ เป็นแบบ conventional หรือ business hotel รุกเข้าสู่ลอนดอนและยุโรปอย่างหนัก และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแข่งกันที่จำนวนห้อง ความหรูหรา และบริการด้วยมาตรฐานความสะดวกสบายครบวงจร ที่ซ้ำๆกัน และเกินความต้องการในขณะที่ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ต้องการความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง สะท้อนประสบการณ์เฉพาะที่ได้จากการพักที่สถานที่นั้นๆ ความนิยมที่มีต่อบูติกโฮเต็ล หรือ ฮิพโฮเต็ล จึงเติบโต เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างที่น่าสนใจคือโรงแรมบูติกแห่งแรกของอังกฤษ “42 The Calls” ใน ลีดส์ ที่ดัดแปลงจากโกดังเก่าริมน้ำท่าเรือที่ใช้เก็บข้าวโพด มาเป็นโรงแรม ราคาที่พักอยุ่ที่ 89 ปอนด์ หรือ Hotel dupetitmoulin ในปารีส ที่เปลี่ยนตึกแถวซึ่งเป็นร้านขายขนมในศตวรรษที่ 17 มาเป็นโรงแรม และออกแบบโดยChistian Lacrox ราคาที่พักอยู่ระว่าง 80 ถึง 129 ยูโร
                สำหรับกรุงเทพซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเมืองหลวงของบูติกโฮเต็ลนั้น ย่านที่เต็มไปด้วยบูติกโฮเต็ลที่มีคุณภาพที่สุด ก็คือบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ และพื้นที่โดยรอบ ซึ่งบูติกโฮเต็ล ขนาดเล็กที่สุดนั้น เริ่มจาก ๓ ห้อง ไปจนถึงหลายสิบห้อง ด้วยราคาที่เริ่มต้นจาก ๗๐๐ บาทไปจนถึง ๖ พันบาท โดยมีการดัดแปลงอาคารที่หลากหลายตตั้งแต่ จากโรงรถ บ้าน โรงเลี้ยงเด็ก โรงแรมม่านรูด ไปจนถึงวัง และประกอบการโดยเจ้าของที่มีภูมิหลังความเป็นมาที่แตกต่างกันเช่น นักการทูต นักบัญชี นักบริหาร ร้านขายสี เจ้าของโรงงาน หมอ และสถาปนิก


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์จริงคนขึ้นศาลคดี Easybuy

แนวทางรับมือเมื่อได้รับหมายศาลแบบบ้านๆ โดยคุณแก้วจ๋า ชมรมหนี้บัตรเครดิต

หมายศาลจะถุกส่งไปที่ไหน