ประสบการณ์เรื่องเล่าชาวหนี้บัตร
สวัสดีครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่อ่านแนวทางและปฏิบัติตาม ถึงจะไม่ตรง 100 % แต่สุดท้าย ก็เป้าหมายเดียวกันคือการปลดหนี้
เริ่มจาก ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่เพิ่งจบ และได้ทำงานที่ที่หนึ่งย่านใจกลางเมือง โดยมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิปลิ่วเลยละครับ
ด้วยความที่อยู่ใจกลางเมือง ดังนั้น สิ่งยั่วยุ ก็มากตาม จึงเกิดกิเลสบ้าง จึงตัดสินใจทำบัตรเครดิต ของธนาคารสีเขียวเป็นธนาคารแรก แล้วก็ผ่านด้วย
โดยที่วงเงินอนุมัติ ณ ตอนนั้น น่าจะอยู่ราวๆ 80,000 บาท แล้วจากนั้น ก็มีบัตรเครดิตตามมาอีกเป็นขบวนรถไฟเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็น Aeon Krungsri Tesco card TMB ( สินเชื้อ ) CIMB ( สินเชื่อ ) CitiBank ROP CitiBank Ready credit
ที่มากมายขนาดนี้ไม่ใช่อะไร โดนเจ้าหน้าที่หว่านแห แล้วติดกับดักหมด 55555555
แต่ด้วยความที่เราต้องเดินทางกลับ ตจว ทุกสัปดาห์ จึงได้ยื่นซื้อรถยนต์ 1 คัน เป็นจำนวนเงิน 1,400,000 บาท โดยผ่อนเดือนละ 15,000 บาท
ในช่วง 2 ปีแรก แทบไม่มีการใช้บัตรเครดิตเลย จะมีก็แต่ต้องจ่าย สินเชื่อของ 2 ธนาคาร กับค่ารถยนต์ แต่ก็ไม่หนักหนาเท่าไร แต่ก็ไม่มีเงินเก็บเลยนะสิ
แต่ความวิบัตินั้นก็เกิดขึ้น เมื่อประมาณปี พศ 2557 ญาติผู้ใหญ่ที่ผมรักที่สุด เค้าป่วยเป็นมะเร็ง ร่วมกับโรคหัวใจ จึงมีปัญหาทางการเงินเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษา ค่าดูแล ค่าของใช้ ค่าเดินทาง ทุกอย่าง มันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ถึงจะไม่กระทบกับตัวเราโดยตรง แต่ เรื่องค่าเดินทาง กับค่าดูแลก็หนักหนา
จนเราต้องหันไปพึ่งบัตรเครดิตนี้แหละครับ เดือนๆนึงต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเดินทางจิปาถะ โดยการรูด เกือบ 30,000 บาท ทำยังไงละทีนี้....
โถ่ววว มีบัตรเครดิตตั้งหลายใบกลัวอะไรเล่าาาา รูด ไป รูดไป เอ๊ะ ยอดเยอะมากแล้ว จ่ายขั้นต่ำแล้วกัน จ่ายไปจ่ายมาทำไมแม่ง ยอดไม่ลดเลยวะเนี่ยยย
กว่าจะรู้ก็สายไปซะแล้ว เต็มวงเงินเกือบทุกใบ เลยค๊าบบบบบบบพี่น้องงงงงง เครียดแล้วนะเครียดดดดแล้ววววว
จนมากลางปี 2558 ญาติผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็ได้ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว เหลือเพียงแต่ความเสียใจ และความคิดถึงเอาไว้เท่านั้น .... พอจัดการธุระเรื่องงานศพเสร็จ
ก็มาเริ่มไล่ดูหนี้ที่เกิดขึ้นว่ามีทางแก้ยังไง เงินเดือน ณ ตอนนั้น น่าจะอยู่ราวๆ 50,000 บาท บวกลบนิดหน่อย ถามว่าสูงมั้ย ก็ค่อนข้างสูงงนะสำหรับผม
แต่......ยอดหนี้ที่เกิดขึ้นสิครับ สยองงงงงงง สุดดดดดดดดด
ยอดหนี้ที่เกิดขึ้นนั้น แท่น แทนนนนนนน ......... เกือบ 800,000 บาททท เอ้าาา ตายห่าและ ทำไงเนี่ย จ่ายขั้นต่ำ ยังไม่พอเลย
ไหนจะค่ารถยนต์อีก ไหนจะค่าห้อง ค่ากิน เอาไงว่ากู ตอนนั้นคือ ทางเดียวที่จะรอดคือ หยุดจ่าย แต่ก็ไม่รู้ต้องทำยังไง
จนได้เปิด Google แล้วมาเจอ บ้านหลังนี้นี่แหละครับท่านผู้ชม ..... จำได้ว่า ตอนนั้นหยุดงานมานั่งอ่าน แล้ว จัดการกับตัวเอง 3วัน 3 คืน
จนได้วิธีที่น่าจะดีที่สุดสำหรับเราแล้วแหละ คือการหยุดจ่ายบางบัตรก่อน แล้วตามด้วยสินเชื่อ แล้วยังเหลือบัตร กสิกร ไว้ เพราะเงินเดือนเข้าที่นี่
อีกอย่างกลัว โดนดูดเงิน เล่นเกมส์กดไม่ทันด้วย เลยต้องยอด จ่ายไปเรื่อยๆๆๆๆ
โดยบัตรที่เลือกหยุด และสินเชื่อที่เลือกหยุดมีดังต่อไปนี้ พร้อมยัง พร้อมยังงงงง 1 2 ..........3
ยอดคร่าวๆที่ต้องจ่ายคืน
1. กรุงศรี (บัตรเครดิต) 45,000 Haircut
2. tesco (บัตรเครดิต) 42,000 โดนฟ้อง
3. Aeon (บัตรเครดิต) 100,000 Haircut
4. TMB ( สินเชื่อ ) 220,000 โดนฟ้อง
5. CIMB ( สินเชื่อ ) 114,000 Haircut
รวมเฉพาะตอนนี้ 521,000 บาท !!!!
6. KBank 140,000 Haircut ตัวนี้ปิดล่าสุด ส่วนลด คืองาม
7. citi ROP 50,000 จ่ายเต็มเพราะต้องการใช้บัตร
8. citi ready 40,000 จ่ายเต็มเพราะมันยกเลิกสัญญาไปก่อน และไม่อยากมีปัญหากับ citi
รวมทั้งสิ้น 751,000 บาท โอ้ยยย จะเป็นลม
เป็นไงบ้างงง นี่ยังไม่รวมกับรถยนต์ที่ต้องผ่อนอีกนะเนี่ยยย รู้สึกขอบคุณตัวเองเลยที่สู้มาขนาดนี้จนสำเร็จ
อไปจะมาพูดถึง ที่ที่โหด น้อยสุดไปสูงสุดแล้วกันเนอะ จะได้พอเป็นแนวทางได้บ้างสำหรับท่านที่ไม่มีทางออกเหมือนผมในตอนนั้น
1.กรุงศรี บัตรเครดิต
หลังจากหยุดไปได้ น่าจะประมาณ 7 เดือน ทางสำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( ล ด ) ก็เสนอส่วนลดมาให้ จากที่ต้องจ่าย 45,000 บาท
เหลือ Haircut ไป 27,000 บาท ลดไป 40% ก็เลยตอบตกลงเพราะมีเงินเก็บไว้รอและ ถือเป็นใบแรกด้วย การต่อรอง ยังไม่ค่อยมีเท่าไร
ตอนนั้นคิดแค่ว่า แค่นี้ก็เอาแล้ว จะได้ไปจ่ายบัตรอื่นต่อ ก็เลยจบกันไปที่ยอดเท่านั้น
2,CIMB สินเชื่อ
หยุดไม่นานมากนะ น่าจะสัก 9 เดือนได้ เหมือนโดนขู่ว่าจะฟ้อง จากสำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( ธ ศ ร ) เลยบอกความประสงค์ว่าอยากปิดแล้ว
ช่วยเหลือยังไงได้บ้าง ไม่อยากโดนฟ้อง ทางสำนักงานก็เลยบอกว่า จากยอดเต็ม 114,000 บาท ( ดอกเบี้ยแพงฉิบหาย ยอดจริง 100,000 )
เหลือ 69,500 บาท ผ่อน 4 งวด ตอนนั้นก็เลย ปิดๆไปและ รำคาญ โทรมาอยู่ได้ ก็เลยได้ปิดของเจ้านี้ไป แต่ทำไงหว่าาา เงินเริ่มจะหมดแล้วสินะ....
3. Tesco กับ TMB
มาฟ้องพร้อมๆกันไปเลยจ้าาาา โดย Tesco ฟ้องก่อน ไปศาลแล้วด้วยนะ แต่ไม่ได้เข้าบัลลังก์ เพราะทำยอมข้างหน้าห้องบัลลังก์นั่นแหละ
จากยอดหยุด 42,000 บาท จ่าย 24,000 บาท ผ่อน 12 งวด รีบตกลงเลย วันนั้นลางาน ฉวยโอกาศ หนีไปเที่ยวต่อ ไม่สะทกสะท้านเลย
มาถึง TMB กันบ้าง เจ้านี้โหดไม่มีวันลืมเลยละ ฟ้อง ให้หลังจาก tesco 1 เดือน ไปศาล คุยกับ ผู้พิพากษาหน้าบัลลังก์ ซึ่งเป็นครั้งแรกเลย
ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะะะะ เป้นประสบการณ์อะเนอะ น้อยคนจะได้เจอนะ คิดในแง่บวกเข้าไปอีกกกก
สรุปแล้วว่าต้องจ่าย เดือนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 4 ปี ก็เลยยอมตกลงไป เพราะไม่รู้ต้องทำยังไง หนี้เราก่ออะเนอะ จะขอ haircut ก็ไม่ให้โอกาสเลย
สำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( ย พ ) กูจำจนวันตายยยย แต่ยังดี ที่จ่ายไปได้สักพัก ให้ haircut โดย การจ่ายเฉพาะต้น ดอกไม่ต้องจ่าย
อ้าวววว อย่างนี้ก็รับสิเนอะ ดอกเบี้ยห่าไรไม่รู้ เยอะกว่าเงินต้นไปแล้วอะ ก็เลยตัดจบไปได้โดยให้ผ่อน 10 เดือน
TMB นี้นับว่าเป็นอะไรที่โหดสำหรับผมสุดแล้วละ จบกันเสียทีนะ บายยย
4. Aeon
เวลาล่วงเลยมาตั้งแต่หยุดจ่าย น่าจะราวๆ 18 เดือนได้ ตอนแรกจะรอให้ครบ 2 ปีตามที่แนวทางบอก เรื่องหมดอายุความ แต่.. ก็ไม่ทัน สำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( จำไม่ได้ ) ก็โทรมายื่นข้อเสนอ haircut จากยอดหนี้ 100,000 บาท เหลือ 40,000 -50,000 นี่แหละ พอดีทำเอกสารหายไป เลยตกลง เพราะลดตั้ง 50% แบ่งจ่าย 5 งวด
5. Kbank ตัวสุดท้ายยยยย
เวลาในการหยุดจ่าย 1 ปีเต็มพอดี ที่เอาไว้เป็นตัวสุดท้าย เพราะตอนแรก เงินเดือนเข้าบัญชีกสิกร เลยทำให้ไม่สามารถหยุดได้ โดย หนี้ที่เกิดมีจากบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ยอดจริง 120,000 บาท ยอดล่าสุด ณ วันก่อนตกลง พุ่งไป 140,000 บาท โหยยย อย่างกะจรวด คือผ่านมา 4 สำนักงานกฏหมายได้นะ ถ้าจำไม่ผิด จนมาจบที่ ( ก ) พูดจาค่อนข้างโอเคเลย เราก็แจ้งความประสงค์นะ ว่าเราอยากจะจบหนี้แล้วจริงๆ เบื่อกับการมานั่งตอบคำถามแล้ว
ตอนแรกก็ตกลงให้กันที่ 72,000 บาท ทำไงดีอะ เงินก็ต้องเก็บไว้ใช้อะ ทั้งตัวก็มีไม่ถึงด้วยสิ มีแค่ 50,000 บาท ก็เลยลองให้ทางสำนักงานกฏหมายช่วยจนถึงที่สุด จริงๆก็ต้องขอกราบงามๆ เพราะเค้าก็คงช่วงเราจริงๆแหละเนอะ จนไปจบที่ 50,000 บาทถ้วน สรุปส่วนลดคือ 65% เลยปิดจบภายในทันทีหลังจากการได้รับอนุมัติ
เห้ออออออ จบสิ้นกันที สำหรับหนี้ที่เหมือนจะไม่ได้เป็นคนก่อเองเนอะ เพราะครอบครัว ยังไงก็ต้องมาก่อน ถึงจะอย่างไรก็แล้วแต่ผมเองเชื่อว่าสักวัน สิ่งที่ผมทำให้ครอบครัว มันต้องส่งผลดีให้ตัวผมเจริญขึ้นๆบ้าง ไม่มากก็น้อยแหละ เชื่อแบบนั้นจริงๆ
ซึ่งความรู้สึกหลังจากที่หมดหนี้ บัตรเครดิต กับ สินเชื่อ คือเหมือนยก ดวงอาทิตย์ออกจากอกเลย มันเป็นความรู็สึกที่แบบโล่ง นอนหลับสบาย ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว จะมีก็แค่ รถยนต์ที่กำลังจะหมดในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่าน ที่มานั่งฟัง คนอย่างผมบ่น นะครับ อาจจะดูวกๆวนๆบ้าง แต่ก็พยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถเลยแหละครับ
ขอให้ทุกท่าน ปลอดหนี้ มีความสุขกันถ้วนหน้านะครับ
เริ่มจาก ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่เพิ่งจบ และได้ทำงานที่ที่หนึ่งย่านใจกลางเมือง โดยมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิปลิ่วเลยละครับ
ด้วยความที่อยู่ใจกลางเมือง ดังนั้น สิ่งยั่วยุ ก็มากตาม จึงเกิดกิเลสบ้าง จึงตัดสินใจทำบัตรเครดิต ของธนาคารสีเขียวเป็นธนาคารแรก แล้วก็ผ่านด้วย
โดยที่วงเงินอนุมัติ ณ ตอนนั้น น่าจะอยู่ราวๆ 80,000 บาท แล้วจากนั้น ก็มีบัตรเครดิตตามมาอีกเป็นขบวนรถไฟเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็น Aeon Krungsri Tesco card TMB ( สินเชื้อ ) CIMB ( สินเชื่อ ) CitiBank ROP CitiBank Ready credit
ที่มากมายขนาดนี้ไม่ใช่อะไร โดนเจ้าหน้าที่หว่านแห แล้วติดกับดักหมด 55555555
แต่ด้วยความที่เราต้องเดินทางกลับ ตจว ทุกสัปดาห์ จึงได้ยื่นซื้อรถยนต์ 1 คัน เป็นจำนวนเงิน 1,400,000 บาท โดยผ่อนเดือนละ 15,000 บาท
ในช่วง 2 ปีแรก แทบไม่มีการใช้บัตรเครดิตเลย จะมีก็แต่ต้องจ่าย สินเชื่อของ 2 ธนาคาร กับค่ารถยนต์ แต่ก็ไม่หนักหนาเท่าไร แต่ก็ไม่มีเงินเก็บเลยนะสิ
แต่ความวิบัตินั้นก็เกิดขึ้น เมื่อประมาณปี พศ 2557 ญาติผู้ใหญ่ที่ผมรักที่สุด เค้าป่วยเป็นมะเร็ง ร่วมกับโรคหัวใจ จึงมีปัญหาทางการเงินเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษา ค่าดูแล ค่าของใช้ ค่าเดินทาง ทุกอย่าง มันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ถึงจะไม่กระทบกับตัวเราโดยตรง แต่ เรื่องค่าเดินทาง กับค่าดูแลก็หนักหนา
จนเราต้องหันไปพึ่งบัตรเครดิตนี้แหละครับ เดือนๆนึงต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเดินทางจิปาถะ โดยการรูด เกือบ 30,000 บาท ทำยังไงละทีนี้....
โถ่ววว มีบัตรเครดิตตั้งหลายใบกลัวอะไรเล่าาาา รูด ไป รูดไป เอ๊ะ ยอดเยอะมากแล้ว จ่ายขั้นต่ำแล้วกัน จ่ายไปจ่ายมาทำไมแม่ง ยอดไม่ลดเลยวะเนี่ยยย
กว่าจะรู้ก็สายไปซะแล้ว เต็มวงเงินเกือบทุกใบ เลยค๊าบบบบบบบพี่น้องงงงงง เครียดแล้วนะเครียดดดดแล้ววววว
จนมากลางปี 2558 ญาติผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็ได้ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว เหลือเพียงแต่ความเสียใจ และความคิดถึงเอาไว้เท่านั้น .... พอจัดการธุระเรื่องงานศพเสร็จ
ก็มาเริ่มไล่ดูหนี้ที่เกิดขึ้นว่ามีทางแก้ยังไง เงินเดือน ณ ตอนนั้น น่าจะอยู่ราวๆ 50,000 บาท บวกลบนิดหน่อย ถามว่าสูงมั้ย ก็ค่อนข้างสูงงนะสำหรับผม
แต่......ยอดหนี้ที่เกิดขึ้นสิครับ สยองงงงงงง สุดดดดดดดดด
ยอดหนี้ที่เกิดขึ้นนั้น แท่น แทนนนนนนน ......... เกือบ 800,000 บาททท เอ้าาา ตายห่าและ ทำไงเนี่ย จ่ายขั้นต่ำ ยังไม่พอเลย
ไหนจะค่ารถยนต์อีก ไหนจะค่าห้อง ค่ากิน เอาไงว่ากู ตอนนั้นคือ ทางเดียวที่จะรอดคือ หยุดจ่าย แต่ก็ไม่รู้ต้องทำยังไง
จนได้เปิด Google แล้วมาเจอ บ้านหลังนี้นี่แหละครับท่านผู้ชม ..... จำได้ว่า ตอนนั้นหยุดงานมานั่งอ่าน แล้ว จัดการกับตัวเอง 3วัน 3 คืน
จนได้วิธีที่น่าจะดีที่สุดสำหรับเราแล้วแหละ คือการหยุดจ่ายบางบัตรก่อน แล้วตามด้วยสินเชื่อ แล้วยังเหลือบัตร กสิกร ไว้ เพราะเงินเดือนเข้าที่นี่
อีกอย่างกลัว โดนดูดเงิน เล่นเกมส์กดไม่ทันด้วย เลยต้องยอด จ่ายไปเรื่อยๆๆๆๆ
โดยบัตรที่เลือกหยุด และสินเชื่อที่เลือกหยุดมีดังต่อไปนี้ พร้อมยัง พร้อมยังงงงง 1 2 ..........3
ยอดคร่าวๆที่ต้องจ่ายคืน
1. กรุงศรี (บัตรเครดิต) 45,000 Haircut
2. tesco (บัตรเครดิต) 42,000 โดนฟ้อง
3. Aeon (บัตรเครดิต) 100,000 Haircut
4. TMB ( สินเชื่อ ) 220,000 โดนฟ้อง
5. CIMB ( สินเชื่อ ) 114,000 Haircut
รวมเฉพาะตอนนี้ 521,000 บาท !!!!
6. KBank 140,000 Haircut ตัวนี้ปิดล่าสุด ส่วนลด คืองาม
7. citi ROP 50,000 จ่ายเต็มเพราะต้องการใช้บัตร
8. citi ready 40,000 จ่ายเต็มเพราะมันยกเลิกสัญญาไปก่อน และไม่อยากมีปัญหากับ citi
รวมทั้งสิ้น 751,000 บาท โอ้ยยย จะเป็นลม
เป็นไงบ้างงง นี่ยังไม่รวมกับรถยนต์ที่ต้องผ่อนอีกนะเนี่ยยย รู้สึกขอบคุณตัวเองเลยที่สู้มาขนาดนี้จนสำเร็จ
อไปจะมาพูดถึง ที่ที่โหด น้อยสุดไปสูงสุดแล้วกันเนอะ จะได้พอเป็นแนวทางได้บ้างสำหรับท่านที่ไม่มีทางออกเหมือนผมในตอนนั้น
1.กรุงศรี บัตรเครดิต
หลังจากหยุดไปได้ น่าจะประมาณ 7 เดือน ทางสำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( ล ด ) ก็เสนอส่วนลดมาให้ จากที่ต้องจ่าย 45,000 บาท
เหลือ Haircut ไป 27,000 บาท ลดไป 40% ก็เลยตอบตกลงเพราะมีเงินเก็บไว้รอและ ถือเป็นใบแรกด้วย การต่อรอง ยังไม่ค่อยมีเท่าไร
ตอนนั้นคิดแค่ว่า แค่นี้ก็เอาแล้ว จะได้ไปจ่ายบัตรอื่นต่อ ก็เลยจบกันไปที่ยอดเท่านั้น
2,CIMB สินเชื่อ
หยุดไม่นานมากนะ น่าจะสัก 9 เดือนได้ เหมือนโดนขู่ว่าจะฟ้อง จากสำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( ธ ศ ร ) เลยบอกความประสงค์ว่าอยากปิดแล้ว
ช่วยเหลือยังไงได้บ้าง ไม่อยากโดนฟ้อง ทางสำนักงานก็เลยบอกว่า จากยอดเต็ม 114,000 บาท ( ดอกเบี้ยแพงฉิบหาย ยอดจริง 100,000 )
เหลือ 69,500 บาท ผ่อน 4 งวด ตอนนั้นก็เลย ปิดๆไปและ รำคาญ โทรมาอยู่ได้ ก็เลยได้ปิดของเจ้านี้ไป แต่ทำไงหว่าาา เงินเริ่มจะหมดแล้วสินะ....
3. Tesco กับ TMB
มาฟ้องพร้อมๆกันไปเลยจ้าาาา โดย Tesco ฟ้องก่อน ไปศาลแล้วด้วยนะ แต่ไม่ได้เข้าบัลลังก์ เพราะทำยอมข้างหน้าห้องบัลลังก์นั่นแหละ
จากยอดหยุด 42,000 บาท จ่าย 24,000 บาท ผ่อน 12 งวด รีบตกลงเลย วันนั้นลางาน ฉวยโอกาศ หนีไปเที่ยวต่อ ไม่สะทกสะท้านเลย
มาถึง TMB กันบ้าง เจ้านี้โหดไม่มีวันลืมเลยละ ฟ้อง ให้หลังจาก tesco 1 เดือน ไปศาล คุยกับ ผู้พิพากษาหน้าบัลลังก์ ซึ่งเป็นครั้งแรกเลย
ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะะะะ เป้นประสบการณ์อะเนอะ น้อยคนจะได้เจอนะ คิดในแง่บวกเข้าไปอีกกกก
สรุปแล้วว่าต้องจ่าย เดือนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 4 ปี ก็เลยยอมตกลงไป เพราะไม่รู้ต้องทำยังไง หนี้เราก่ออะเนอะ จะขอ haircut ก็ไม่ให้โอกาสเลย
สำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( ย พ ) กูจำจนวันตายยยย แต่ยังดี ที่จ่ายไปได้สักพัก ให้ haircut โดย การจ่ายเฉพาะต้น ดอกไม่ต้องจ่าย
อ้าวววว อย่างนี้ก็รับสิเนอะ ดอกเบี้ยห่าไรไม่รู้ เยอะกว่าเงินต้นไปแล้วอะ ก็เลยตัดจบไปได้โดยให้ผ่อน 10 เดือน
TMB นี้นับว่าเป็นอะไรที่โหดสำหรับผมสุดแล้วละ จบกันเสียทีนะ บายยย
4. Aeon
เวลาล่วงเลยมาตั้งแต่หยุดจ่าย น่าจะราวๆ 18 เดือนได้ ตอนแรกจะรอให้ครบ 2 ปีตามที่แนวทางบอก เรื่องหมดอายุความ แต่.. ก็ไม่ทัน สำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ( จำไม่ได้ ) ก็โทรมายื่นข้อเสนอ haircut จากยอดหนี้ 100,000 บาท เหลือ 40,000 -50,000 นี่แหละ พอดีทำเอกสารหายไป เลยตกลง เพราะลดตั้ง 50% แบ่งจ่าย 5 งวด
5. Kbank ตัวสุดท้ายยยยย
เวลาในการหยุดจ่าย 1 ปีเต็มพอดี ที่เอาไว้เป็นตัวสุดท้าย เพราะตอนแรก เงินเดือนเข้าบัญชีกสิกร เลยทำให้ไม่สามารถหยุดได้ โดย หนี้ที่เกิดมีจากบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ยอดจริง 120,000 บาท ยอดล่าสุด ณ วันก่อนตกลง พุ่งไป 140,000 บาท โหยยย อย่างกะจรวด คือผ่านมา 4 สำนักงานกฏหมายได้นะ ถ้าจำไม่ผิด จนมาจบที่ ( ก ) พูดจาค่อนข้างโอเคเลย เราก็แจ้งความประสงค์นะ ว่าเราอยากจะจบหนี้แล้วจริงๆ เบื่อกับการมานั่งตอบคำถามแล้ว
ตอนแรกก็ตกลงให้กันที่ 72,000 บาท ทำไงดีอะ เงินก็ต้องเก็บไว้ใช้อะ ทั้งตัวก็มีไม่ถึงด้วยสิ มีแค่ 50,000 บาท ก็เลยลองให้ทางสำนักงานกฏหมายช่วยจนถึงที่สุด จริงๆก็ต้องขอกราบงามๆ เพราะเค้าก็คงช่วงเราจริงๆแหละเนอะ จนไปจบที่ 50,000 บาทถ้วน สรุปส่วนลดคือ 65% เลยปิดจบภายในทันทีหลังจากการได้รับอนุมัติ
เห้ออออออ จบสิ้นกันที สำหรับหนี้ที่เหมือนจะไม่ได้เป็นคนก่อเองเนอะ เพราะครอบครัว ยังไงก็ต้องมาก่อน ถึงจะอย่างไรก็แล้วแต่ผมเองเชื่อว่าสักวัน สิ่งที่ผมทำให้ครอบครัว มันต้องส่งผลดีให้ตัวผมเจริญขึ้นๆบ้าง ไม่มากก็น้อยแหละ เชื่อแบบนั้นจริงๆ
ซึ่งความรู้สึกหลังจากที่หมดหนี้ บัตรเครดิต กับ สินเชื่อ คือเหมือนยก ดวงอาทิตย์ออกจากอกเลย มันเป็นความรู็สึกที่แบบโล่ง นอนหลับสบาย ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว จะมีก็แค่ รถยนต์ที่กำลังจะหมดในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่าน ที่มานั่งฟัง คนอย่างผมบ่น นะครับ อาจจะดูวกๆวนๆบ้าง แต่ก็พยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถเลยแหละครับ
ขอให้ทุกท่าน ปลอดหนี้ มีความสุขกันถ้วนหน้านะครับ
สอบถามคะ แล้วแบบนี้เราจะมีสถานะติดเครดิตบูโรไหมคะ
ตอบลบมีความคิดจะทำแบบนี้เหมือนกันคะ
ติดครับ อย่าคิดมาก ติดแบล็คลิสต์ดีกว่าติดแบล็กเลเบิ้ล
ลบ