ประสบการณ์ขึ้นศาล หนี้บัตร


ประสบการณ์ขึ้นศาล หนี้บัตร

สวัสดีครับ คนยิ้มสู้หนี้ทุกท่าน หลังจากตามอ่านและหาข้อมูลในเว็บนี้มานาน(แต่พึ่งสมัครสมาชิก) ก็ถึงเวลาของตัวเองที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการขึ้นศาลครั้งแลกของตัวเองครับ
   หลังจากที่หยุดจ่าย ธ.ทวงจนเบื่อ ก็มอบหมายให้ สำนักงานทวงหนี้มาเป็นคนทวงแทน เจ้าหน้าที่ก็ติดต่อมาเรื่อยๆเสนอส่วนลด แบ่งจ่าย แต่ผมก็ปฏิเสธเพราะไม่ไหว เพราะผ่อนตกเดือนละ 30,000 บาท กระทบเงินตรงอื่นแน่นอน ก็เตรียมตัวเตรียมใจแล้วให้เข้าฟ้องศาล และแล้วหมายศาลก็มาถึงนัดขึ้นศาลเมื่อต้นเดือน ธ.ค.62 ที่ผ่านมา....
             ก่อนจะขึ้นศาลก็เข้ามาอ่านเว็บนี้อีกครั้งเพื่อทำการบ้านไปรับมือกับทนายโจทย์ ก่อนไปก็ปรึกษากับครอบครัวสรุปว่าจะขอเลื่อน 1 ครั้งเพื่อมาตั้งหลัก ก่อนไปก็คิดว่าคงไม่มีอะไรมาก ศาลนัดบ่ายไปถึงเจอทนายโจทย์คุยกันก่อนและก็ขอเลื่อน เจอผู้พิพากษาเซ็นต์เอกสาร จบกลับบ้าน ใช้เวลาคงไมเกินชั่วโมงนึง
              ถึงวันจริงที่ต้องไปขึ้นศาล ต้องใช้คำนี้เลยครับ "ทางเดินไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ" ศาลนัดบ่ายไปถึงคนแลกของห้อง และก็ตามด้วยเพื่อนร่วมชะตากรรม ทนายโจทย์ของบริษัทต่างๆก็เดินถามว่าใช้ชื่อนี้ไหม ถ้าไม่ใช่ทนายก็แนะนำให้เข้าไปถามทนายท่านอื่นเลยว่าใช่ทนายโจทย์ของเราไหม นั้งรอนานมากทนายโจทย์ของเราก็ยังไม่มา เดินออกไปหน้าห้องสองสามรอบเพื่อดูว่าเรามีรายชื่อที่ห้องนี้ไหมเพราะกลัวมาผิดห้อง

            ซักพักทนายโจทย์ของเราก็มา ขอเบอร์เราไป เรียกเราไปคุยนอกห้อง ให้เราดูตัวเลข คำนวนตัวเลขว่าเราต้องผ่อนเท่าไหร่ๆบลาๆๆ และทนายก็จะถามเราว่าทำยอมหน้าศาลเลยไหม เราเห็นตัวเลขแล้วว่าต้องจ่าย 3 ปี เกือบ 30,000 ต่อเดือน ซึ่งเราไม่ไหว เราบอกว่างั้นผมขอเลื่อนก่อน ทนายโจทย์ก็จะถามอีกว่างั้นให้ศาลท่านตัดสินเลยไหม และก็มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทวงหนี้ก็โทรเข้ามาหาเรา

ถามว่าเรามาศาลใช่ไหม ยอดเท่านี้ ผ่อนเท่านี้ บลาๆๆ ตกลงทำยอมหน้าศาลเลยนะ เราก็บอกว่ายอดเท่านี้ผมไม่ไหว เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้ศาลท่านตัดสินเลยละกัน ระหว่างนี้เราก็จะอึนๆมึนๆไปไม่ถูก พอตั้งสติได้บอกว่าขอเลื่อนศาลออกไปก่อน น้ำเสียงปลายสายเปลี่ยนทันที ถามเราว่า ทำไมถึงเลื่อน ตกลงจะจ่ายไหม หรือ จะไปหาเงินมาปิดเหรอค่ะ

              เราก็ให้เหตุผลไปว่าของปรึกษากับทางครอบครัวก่อน เพราะถ้าเราตกลงแล้วว่ายอมจ่ายยอดเกือบ 30,000 ต่อเดือนและถ้าในอนาคตมีปัญหาเราผ่อนไม่ไหวเราก็จะซวย สำนักงานก็จะเอาคำสั่งศาลมาจัดการเราได้ และเราก็บอกว่าจะได้มีเวลาต่อรองกับเจ้าหนี้ได้ (ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าหนี้ไม่ยอมแน่นอน) และก็เป็นอย่างที่คิด เจ้าหน้าที่บอกว่าถึงจะเลื่อนศาลออกไปก็ต่อรองอะไรไม่ได้ แถมยังแนะนำว่าให้ศาลท่านพิจารณาไปเลยแล้วเดี๋ยวเรามาคุยกันว่าจะมีส่วนลดตรงไหนได้บ้าง(และบอกว่าต่อรองไม่ได้) ผมก็เลยสวนกลับว่าในเมื่อศาลตัดสินแล้วผมก็เสียเปรียบซิ่ ผมมีสิทธิขอเลื่อนได้งั้นผมของใช้สิทธิของผม(อุตส่าทำตัวแบบไม่รู้เรื่องแล้วนะ) สุดท้ายก็ได้เลื่อนไปปลายเดือนหน้า ระหว่างนี้ก็มีเวลาคุยกับเจ้าหนี้(ทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่ยอม)ระหว่างนี้ทนายโจทย์ที่มาศาลไปอยู่ที่ห้องอื่น

            จากที่สังเกตุในห้องก็มีจำเลยแบบเราเยอะแยะและทนายส่วนใหญ่ก็อยากให้จบต่อหน้าศาล หลายคนก็จบหน้าศาล มีอยู่คนนึงทนายโจทย์ไม่อยู่ในห้อง ผู้พิพากษาท่านก็คุยกับจำเลยท่านก็แนะนำให้ไปคุยกับเจ้าหนี้ เลื่อนออกไป 1 เดือน คุยเสร็จไม่มีคดีต่อท่านก็ลงจากบัลลังค์ไป และทนายโจทย์ก็เข้ามา พอรู้ว่าจำเลยได้เลื่อนออกไปอีก 1 เดือนก็พยายามโน้มน้าวต่างๆให้จบภายในศาล แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องตรงจบลงยังไง
             สรุป ข้อมูลแนวทางที่อ่านจากเว็บนี้ไปใช้ได้จริงครับ แต่เพียงหน้างานอาจจะมีปัญหาบ้าง อย่างเช่นขอเลื่อนศาล นึกว่าคุยกับทนายโจทย์แล้วจบแต่ไม่ใช่ ต้องไปคุยกับหัวหน้าทนายของสำนักงานทวงหนี้ และข้อเสนอต่างๆที่เจ้าหน้าที่เสนอมา มันช่างเย้ายวนแต่ต้องแลกกับยอมหน้าศาลหรือให้ศาลตัดสิน (ต้องยึดคำนี้ไว้ไม่มีสัจจะในหมู่โจร)  คือเรามีข้อมูลแบบนี้แต่ไปเจอจริงอีกแบบนึงก็จะเบลอๆ ตอบตกลงแบบไม่มีสติก็จะซวยเอาได้ จากที่คิดว่า บ่ายสองคงเสร็จ ความจริงจบ 4 โมง ทนายโจทย์วิ่งหลายห้อง....แล้วไปศาลครั้งหน้าจะเจออะไรบ้างจะนำมาเล่าให้อ่านกันอีกครั้งครับ สวัสดีครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์จริงคนขึ้นศาลคดี Easybuy

แนวทางรับมือเมื่อได้รับหมายศาลแบบบ้านๆ โดยคุณแก้วจ๋า ชมรมหนี้บัตรเครดิต

หมายศาลจะถุกส่งไปที่ไหน