คำสารภาพของผู้ที่เคยทำงานที่สำนักงานรับจ้างทวงหนี้


คำสารภาพของผู้ที่เคยทำงานที่สำนักงานรับจ้างทวงหนี้
.
ในฐานะที่ผมเคยทำงานกับสำนักงานรับจ้างทวงหนี้หลายแห่ง เหตุที่ต้องออกและบอกกับตัวเองว่าจะไม่ไปทำงานกับสำนักงานดังกล่าวอีกเลย เพราะบังเอิญไปทวงกับญาติของตัวเองเข้า แต่ใช้คนละนามสกุล ที่รู้ เพราะวันหนึ่ง กลับไปเยี่ยมบ้าน และได้พบกับญาติคนดังกล่าว ได้มาถามว่าเราทำงานอะไร เราก็บอกว่าทำงานที่สำนักงานทนายความ ทางญาติจึงได้เล่าให้ฟังว่า เป็นหนี้บัตรเครดิต และถูกทวงถามด้วยวาจาหยาบคาย และด้วยวิธีการต่างเหมือนกับที่สมาชิกได้โพสไว้ในเว็บนี้
พอผมกลับไปตรวจสอบชื่อ ปรากฏญาติคนนี้เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผมเสียด้วย และเป็นคนที่โทรไปจริง และได้พูดจาตามที่ญาติคนดังกล่าวได้ปรับทุกข์ให้ฟังจริง ผมนี่พูดอะไรไม่ออกเลย เลยตัดสินใจลาออกจากงานทวงหนี้ดังกล่าว และตอนหลังผมพยายามไม่พูดคุยกับญาติคนนั้นอีกเลย เพราะกลัวเขาจำเสียงได้

ผมจึงขอเล่าหลักสูตรได้รับการอบรมมาในการเริ่มต้นทำอาชีพให้ทราบดังกล่าวดังนี้ สำนักงานที่ผมทำงานอยู่ จะรับจ้างทวงหนี้ทั้งของแบงก์และนอนแบงก์ หัวใจของคนทวงหนี้ จะมีปรัชญาในการทวงหนี้ว่า ทวงอย่างไรก็ได้ขอให้ได้เงิน แม้ว่าทางลูกหนี้ จะอ้างเหตุอย่างไร อย่าไปใจอ่อน เช่น ลูกป่วย ไม่มีเงินจริงๆเลย รายได้ไม่มี กำลังตกงาน เพราะต้องท่องไว้ในใจว่า เราไม่ใช่ปอเต็กตึ้ง
วิธีการทวงที่ได้รับการอบรมมา ก็เหมือนกับที่ทุกคนโดนนั้นแหละ แต่ขอให้คำแนะนำเคล็ดลับเรื่องหนึ่ง ต้อง ตอบโต้ก็คือ ถ้าถูกทวงด้วยวิธีการรุนแรง ต้องรุนแรงตอบ เช่นถ้าถูกด่าก็ด่ากลับไป สังเกตพวกนี้ จะไม่ยอมบอกชื่อจริง และเบอร์ติดต่อกลับ อย่าหงอเป็นอันขาด โดยเฉพาะ ถ้าแกล้งบอกว่าจะมาหาถึงที่ทำงาน ไม่ต้องกลัว แค่คำขู่เท่านั้น ถ้ามาก็อย่าให้เข้าบ้าน หรือที่ทำงาน สามารถแจ้งตำรวจจับในข้อหาบุกรุกได้ทันที
กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
Administrator

มีครั้งหนึ่งหัวหน้าให้ไปตามเก็บเงินกับลูกหนี้รายหนึ่ง พอไปที่บ้านผมแทบจะช็อก เพราะคนนั้น อาชีพรองเป็นคนคุมวินมอเตอร์ไซ้ด์ ผมถูกเตะ ถูกซ้อม และยังถูกแจ้งตำรวจจับในข้อหาบุกรุกเสียอีก แต่ผมหนีทัน
เหตุที่ต้องทวงหนี้โหดกันอย่างนี้ ส่วนหนึ่งต้องทำเวลา ถ้าเก็บไม่ได้ตามเวลาที่ผู้จ้างกำหนดไว้ เขาก็จะเปลี่ยนสำนักงานใหม่ แต่ถ้าได้ก็จะมีลูกหนี้รายอื่นส่งมาเรื่อยๆ และผมก็ได้ส่วนแบ่งตามเปอร์เซ็นต์ที่เก็บได้เช่นกัน แต่ถ้าไปเจอลูกหนี้ท้าให้ฟ้อง ผมกลับไม่ชอบ เพราะมีหวังอดได้เปอร์เซ็นต์ และจาก การถามทนายที่ประจำบริษัท ส่วนมากที่ฟ้องไปแล้ว โอกาสได้ตามฟ้องยิ่งยากใหญ่ เพราะเหตุว่า แม้ศาลพิพากษาให้จ่าย แต่ส่วนมากจำเลยมักจะไม่มีจ่ายเสีย อายุความก็แค่10ปีจากวันศาลพิพากษา(อายุความในการยื่นเรื่องเพื่อบังคับคดี 10 ปี แต่หากเจ้าหนี้หรือโจกท์ยื่นเรื่องไปที่กรมบังคับคดีแล้ว ไม่มีอายุความ: กรรมการชมรม แก้ไขปี 2555)
อ้างอิงจากระทู้นี้ www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=1296&Itemid=29 อายุความในการบังคับคดี (ยึดทรัพย์ + อายัดเงินเดือน)By: นกกระจอกเทศ

และในระยะหลัง ก็ยึดทรัพย์ลำบาก มีการแก้ไขกฏหมายที่เป็นคุณต่อลูกหนี้มาก โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่เจ้าบ้านเองแล้ว ยิ่งลำบากใหญ่ ท้ายที่สุดผมจึงให้คำแนะนำกับลูกหนี้ทั้งหลาย ว่าต้องโต้ตอบกับคนที่ทวงหนี้เลวด้วยวิธีการเลวๆ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรืออะไรก็ได้ เอาวิธีการที่เขาทำกับเราให้ย้อนศรกลับไป และอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเขาโทรมาอย่าปิดโทรศัพท์เป็นอันขาด ต้องรับโต้ตอบจนมันวางไปเอง และเรื่องที่ไปฟ้องหัวหน้าพวกมัน อย่าทำ เสียค่าโทรเปล่า ลองคิดดูว่า ถ้าหัวไม่ส่าย หางจะกระดิกได้อย่างไร และ ถ้าเป็นไปได้ควรจะไปแจ้งกับตำรวจไว้เป็นหลักฐาน ถ้ามีการเทปไว้ยิ่งดีใหญ่ เพราะพวกผมกลัวเรื่องถึงตำรวจมาก เพราะที่ทำอยู่มันผิดกฏหมายทั้งสิ้น

โทรมาทวงหนี้น้ำเสียงโคตรโหด อ้างว่าถ้าไม่ใช้คืน คุณเตรียมตัวไปสถานีตำรวจพรุ่งนี้เลย เราไม่รู้กฎหมายก็เลยพูดไปตามความคิดของตัวเองว่า ถ้าอยากจับก็เอาตำรวจมาเลย รู้ไม่ใช่เหรอว่า ฉันอยู่ไหน เชิญตามสบาย อยากจะจับก็จับเลย ให้ติดคุกตลอดชีวิตเลยก็เอา คือพูดแบบหมดอาลัยตายอยากแล้วไง เพราะว่าไม่มีปัญญาจ่ายมันจริงๆ ตอนนั้น ติด อิสิควาย เนี้ยแหละ 13,000 เหอะๆ
มันก็บอกว่า คุณอย่ามาท้าผมนะ ก็บอกว่าไม่ได้ท้าแต่ยอม คือยอมติดคุกไง จะทำยังไงก็ทำ ไม่มีหนทางจะสู้แล้ว มันก็พูดเสียงโหดจนวินาทีสุดท้ายว่า งั้นพรุ่งนี้คุณเตรียมตัวรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลย อย่าหนีนะครับ
เหอะๆ บอกได้เลย ตอนนั้นนะ หัวใจเต้นเป็นจังหวะ Hip Hop แล้ว
แต่ก็ทำไงได้ พอวางหูเสร็จ เราเดินไปบอกเจ้านายเลยว่า พรุ่งนี้ถ้าหากมีตำรวจมาขอพบเจ้านายกับตัวข้าพเจ้า เจ้านายอย่าตกใจนะ ไม่ให้เดือดร้อนถึงบริษัทแน่ๆ แต่แค่ขอให้บริษัทเป็นที่รับนักโทษแป๊บนึง เจ้านายบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับบริษัทก็เคลียร์กันไป อย่าให้ผมไปเกี่ยวข้องก็แล้วกัน งานคืองาน เรื่องส่วนตัวอีกเรื่อง
บอกตามตรงนอนไม่ได้เลย ก็คิดว่ามันมาแน่ เหอะๆ มันขู่ไว้ขนาดนั้น เป็นคนอื่นคงหนีไปตายที่ปอยเปตแล้ว แต่ก็คิดว่ายังไงก็คงมีทางแก้ไขกันสิน่า แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ข้อกฎหมาย ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ในประมวลกฎหมายแบบไหน เราต้องโดนจำคุกจริงๆหรือไม่ กับเงินหมื่นสามพันบาท แต่ก็เอาวะ
ระหว่างรอ ทำงานไม่ได้เลย นั่งตัวชา ใจเต้นยิ่งกว่าจังหวะแร็พอีก รอไปจน 1 วันผ่านไป มันก็ไม่มาจับเรา
เหอะๆ ขำและดีใจลึกๆ ว่ารอดคุกแล้วว้อย และแล้ววันเวลาผ่านไป บริษัททวงหนี้รายใหม่ก็โทรมาทวงหนี้อีก พูดจาดีมากมาย เออแบบนี้สิ น่าจ่ายให้หน่อย ตกลงประนอมหนี้กันเพราะ เขาพูดจาเพราะจับใจ ทวงแบบคนมีการศึกษาเขาทวงกัน บอกเราดีๆ ไม่ใช่ ทำกับเราเหมือนวัวเหมือนควาย
เป็นอุทาเหา เอ้ย อุทาหรณ์ เอาไว้นะว่าลูกหนี้อย่างเราๆ ควรเรียนรู้เรื่องกฎหมายไว้บ้างก็ดี เป็นประโยชน์ อย่าโง่ให้เค้ามาด่าเราได้


รู้เท่าทัน ผู้รับจ้างทวงหนี้

ตามที่ผมเคยโพสหัวข้อเรื่องดังกล่าว เมื่อวันก่อนนั้น ภาคนี้ผมจะขอสรุปเป็นแนวทาง เพื่อจะให้ผู้ที่เป็นหนี้ ได้ซัดกับผู้รับจ้างหนี้ทวงหนี้ ที่มีนิสัยเลวๆได้ ผมขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า" รู้เท่าทัน ผู้รับจ้างทวงหนี้"

1. ประการแรกถ้ามีผู้โทรเข้ามา และอ้างว่า ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร หรือไม่ใช่ ก่อนจะพูดอะไร บอกให้บุคคลนั้น บอกชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรสำนักงานของเขา ผมเชื่อว่าพวกมันจะไม่ยอมบอกเด็ดขาด อาจบอกเฉพาะชื่อเล่น เพราะในฐานะที่เคยทำงานสำนักงานดังกล่าว ทางหัวหน้า กำชับเด็ดขาด ห้ามบอกเบอร์ธรรมดา ให้กับลูกหนี้ ที่เราทวงถามเด็ดขาด เพราะถ้าลูกหนี้รู้เบอร์ เกิดมีเรื่องเข้าข่ายถูกแจ้งความกับตำรวจนั้น ตำรวจสามารถติดตามไปเบอร์ดังกล่าวได้ แต่ถ้าเขาโทรมาก่อกวนอีก เราก็เปลี่ยนโทรศัพท์เป็นระบบสั่นก็หมดเรื่อง และพอเวลามีผู้โทรมาให้ดูเบอร์ที่โทรมา บนจอถ้าไม่มีเบอร์โชว์ ก็ไม่ต้องไปรับ กดทิ้งไปเลย

2. หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกมันจะมาพยายามโทรมาด่าว่า พูดจาหยาบคาย แม้ว่าเราไม่เป็นคนเช่นนั้นเราก็ต้องสวมบทผู้ร้ายมั่งละ อย่าไปยอมให้มันด่าข้าง และถ้าโดนทวงหนี้ในลักษณะนี้ ถึงมีก็ไม่ควรให้ เพราะถ้ายอมจ่ายเพราะกลัวมัน ก็จะกลายบรรทัดฐานที่พวกมันจะใช้กับคนอื่นต่อไป

3. ถ้ามีการบอกว่าจะมาเก็บที่บ้านหรือที่ทำงาน ก็ไม่ต้องให้ เพราะเราไม่รู้ว่า ถ้ามันรับไปแล้ว จะเอาเข้ากระเป๋าหรือเปล่า และต่อไปมันก็จะมาอีก

4. ถ้าผู้ที่มีบัตรเครดิตหลายใบ อาจตัดความรำคาญอาจจะยอมเบิกจากใบนี้ มาจ่ายใบโน้น แค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะดูจากสถิติที่สำนักงานของผม ในที่สุดก็จ่ายไม่ได้ สู้เก็บเงินเอาไว้ เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะดีกว่า

5. ถ้าเห็นว่าเราไม่มีทางจ่ายจริงๆ สู้ให้เจ้าหนี้ฟ้องดีกว่า เวลาถูกฟ้องควรไปตามที่ศาลนัด ถ้าไม่มีค่าทนายก็ไปเอง เพื่อเราจะสามารถต่อรองและไกล่เกลี่ย ผ่อนจ่ายตามกำลังของเรา
ผมคิดว่าคุณคงไม่สมบัติอะไรจะให้ยึดอีกแล้ว แต่ถ้าเราหนี้ต่อรายเกินล้านบาท และไปเจอเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย เราก็จะเหมือนกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง เพราะภายใน3ปี เราก็จะพ้นจากล้มละลาย และหนี้ต่างที่เรามีอยู่ ก็จะหมดไปโดยตามกฏหมาย

ที่ผมเล่าให้ฟังมานี้ ผมคิดว่าอาชีพทวงหนี้นั้น มันสอนให้เราเป็นแข็งกระด้าง และก็หยาบคาย ก็ขนาดบางทีผมคิดว่า ทำไมเรากล้าพูดจาหยาบคายกับลูกหนี้ กลับบ้านต้องเปลืองยาบ้วนปาก จนบางทีเผลอตัว ไปพูดกับแฟนก็เจอมาแล้ว ผมยังคิดว่า ถ้าแฟนผมรู้ว่า พูดมีอาชีพเช่นนี้คงจะบอกเลิกกับผมแน่

ผมจึงขอให้กำลังใจกับลูกหนี้ทุกคน และขอให้นำแนวทางที่เล่าให้ฟัง ไปใช้รับมือกับ ผู้ทวงหนี้เลวๆเช่นที่หลายคนโดนแล้ว และพวกนี้จะได้หมดไปจากสังคมไทยเสียที และผมเชื่อว่า ทุกคนที่เป็นหนี้ ที่ไม่มีจ่ายนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะโกง แต่เป็นเพราะความประมาท และหนี้รายเล็กๆขนาดนี้ ไม่มีวันที่จะให้ธนาคารเจ๊งหรอก ที่เจ๊ง ก็เพราะปล่อยให้พวกลูกหลาน และพรรคพวกของตัวเอามากกว่า

By: สายันห์

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์จริงคนขึ้นศาลคดี Easybuy

ประสบการณ์ไปศาลคดี บัตรเครดิต UOB

แนวทางรับมือเมื่อได้รับหมายศาลแบบบ้านๆ โดยคุณแก้วจ๋า ชมรมหนี้บัตรเครดิต