คอนโดเก่า จากคนเช่า จนเป็นผู้จัดการนิติบุคคล ภาค ๒
คอนโดเก่า จากคนเช่า จนเป็นผู้จัดการนิติบุคคล ภาค ๒
หลังจากทำห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ย้ายเข้ามาอยู่ ในช่วงนั้นเป็นเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงปลายวาระการเป็นผู้จัดการคอนโดตามภาษาพูดของชาวคอนโดจะเรียกผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดว่า ผู้จัดการคอนโด ทางคณะกรรมการได้มีกำหนดให้มีการประชุมประจำปีเพื่อพิจาณาผลการดำเนินการและมีการเลือกตั้งคณะกรรมการนิติบุคคลจากลูกบ้าน
ป้าแต๋วซึ่งเป็นผู้จัดการก็ได้ออกหนังสือเชิญประชุม โดยคำสั่งของท่านประธานกรรมการนิติบุคคล ที่นี่มันมีเรื่องกันอยู่ว่า ทางท่านประธานและกรรมการบางท่านสงสัยว่าป้าแต๋วจะทุจริตในเรื่องของการฝากห้องให้เช่า และการซื้อขายคอนโด จึงมีการวิ่งเต้นล๊อบบี้ เพื่อที่จะโค่นป้าแต๋วลงให้ได้
ฝ่ายป้าแต๋วก็มีการปล่อยข่าวประมาณว่า ไม่เลือกเรา เขามาแน่ คือ ๒ ปี ก่อนที่ป้าแต๋วจะเข้ามา ทางลูกบ้านได้จ้างบริษัทเข้ามาบริหาร ซึ่งผู้จัดการคอนโดเป็นน้องของสามีเก่าป้าแต๋ว และเอาภรรยาคือพี่ซาร่ามาทำด้วย ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องการทุกจริต ยักยอก อมเงิน รับเงินแล้วไม่เอาเงินเข้าบัญชี ลูกบ้านเลยต้องไปอัญเชิญป้าแต๋ว ซึ่งเคยทำงานกับบริษัทที่มารับจ้างบริหาร ก่อนโดนน้องสามีเขี่ยกระเด็นออกไป
ตอนนั้นเพื่อนที่อยู่คอนโดมาก่อน ก็มาเล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมของพี่ซาร่าแอนด์เดอะแก๊งค์ เช่น เก็บเงินค่าส่วนกลางแล้วไม่เอาเข้าบัญชี ช่างคอนโดเข้ามาซ่อมแล้วของหาย ไม่รับผิดชอบมั่ง สารพัดเรื่องราว เลยมีใจเอนเองไปทางป้าแต๋ว และรู้สึกไม่ชอบพี่ซาร่า
เมื่อวันประชุมมาถึง ท่านประธานแจ้งแต่แรกแล้วว่าจะไปจัดที่โรงแรมสามดาวแถวๆคอนโดเนื่องจากคอนโดมันไม่ส่วนตัว ปรกติเขาก็ประชุมกันที่ที่จอดรถใต้ตึก แต่นี่ไปจัดเสียค่อนข้างไกล ตามกำหนดการจะเริ่มประชุมเวลา 13.00 กว่าลูกบ้านจะมากันครบก็ร่วม 14.00 บางคนรอไม่ไหวกลับไปก็มี แต่ก็ต้องฝากใบมอบฉันทะไว้ ตามกฏหมาย การจะประชุมแล้วถูกต้องตาม พ.ร.บ อาคารชุด ต้องมีผู้ร่วมเข้าประชุม เกิน 30% โดยคิดจากสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ เช่น ทั้งตึกคิดเป็นกี่ตารางเมตร ส่วนที่ลูกบ้านถือครองกี่ตารางเมตร ก็เอามาคิดเป็นเปอร์เซนต์เทียบกัน
เริ่มประชุมจริงๆ เวลา บ่ายสอง โดยวาระแรกๆ ป้าแต๋วก็รายงานว่าทำอะไรไปบ้าง ชี้แจงงบต่างๆ และนำผู้สอบบัญชีมาด้วย มีการเถียงกันอย่างหนัก โจมตีกันไปมา แบ่งแยกลุกบ้านเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คือ ฝ่ายนิยมป้าแต๋ว ผู้จัดการเก่า และฝ่ายท่านประธานซึ่งเป็นทนายความ การประชุมดำเนินไปอย่างน่าเบื่อ และด่ากันไปมา จนมาถึงวาระสำคัญ คือการเลือก กรรมการ และผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด
ตอนเลือกกรรมการ ทางฝ่ายท่านประธานก็เสนอตัวกรรมการขึ้นมา ทางฝ่ายป้าแต๋วก็ไม่มีใครยอมมาเป็นกรรมการ ซึ่งตามกฏหมาย กรรมการต้องมีอย่างต่ำ 3 คน สุงสุดไม่เกิน 9 คน มีคนเสนอตัวแค่ 7 คน จึงเป็นอันตกลงกันที่ 7 คน
วาระสำคัญมาถึง คือ การเลือกผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด โดยมีผู้ลงสมัครสองท่านคือ ป้าแต๋ว และ นายสุบิน ปรากฏว่าป้าแต๋วแพ้ไปไม่กี่คะแนน นายสุบินได้เป็นผู้จัดการ ตามที่ท่านประธานวางตัวไว้
แต่อีกนั้นแหละ เมื่อไปจดทะเบียนที่สำนักงานกรมที่ดินก็ไม่สามารถจดทะเบียนได้เนื่องจากตาม พ.ร.บ อาคารชุด ฉบับ 2551 กำหนดไว้ว่าผู้จัดการต้องได้รับเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25% ของกรรมสิทธิ์รวมทั้งหมด เช่นทั้งตึกมี 100 ตารางเมตร ลูกบ้านที่มาลงต้องรวมๆขนาดห้องให้ได้ 25 ตารางเมตร
เมื่อคะแนนเสียงไม่ถึง ท่านประธานยงยุทธ จึงต้องมาเป็นผู้จัดการแทน ไว้ติดตามตอนต่อไปว่า ท่านประธานจะบริหารคอนโดอย่างไรภายใต้ภาวะความแตกแยก
หลังจากทำห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ย้ายเข้ามาอยู่ ในช่วงนั้นเป็นเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงปลายวาระการเป็นผู้จัดการคอนโดตามภาษาพูดของชาวคอนโดจะเรียกผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดว่า ผู้จัดการคอนโด ทางคณะกรรมการได้มีกำหนดให้มีการประชุมประจำปีเพื่อพิจาณาผลการดำเนินการและมีการเลือกตั้งคณะกรรมการนิติบุคคลจากลูกบ้าน
ป้าแต๋วซึ่งเป็นผู้จัดการก็ได้ออกหนังสือเชิญประชุม โดยคำสั่งของท่านประธานกรรมการนิติบุคคล ที่นี่มันมีเรื่องกันอยู่ว่า ทางท่านประธานและกรรมการบางท่านสงสัยว่าป้าแต๋วจะทุจริตในเรื่องของการฝากห้องให้เช่า และการซื้อขายคอนโด จึงมีการวิ่งเต้นล๊อบบี้ เพื่อที่จะโค่นป้าแต๋วลงให้ได้
ฝ่ายป้าแต๋วก็มีการปล่อยข่าวประมาณว่า ไม่เลือกเรา เขามาแน่ คือ ๒ ปี ก่อนที่ป้าแต๋วจะเข้ามา ทางลูกบ้านได้จ้างบริษัทเข้ามาบริหาร ซึ่งผู้จัดการคอนโดเป็นน้องของสามีเก่าป้าแต๋ว และเอาภรรยาคือพี่ซาร่ามาทำด้วย ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องการทุกจริต ยักยอก อมเงิน รับเงินแล้วไม่เอาเงินเข้าบัญชี ลูกบ้านเลยต้องไปอัญเชิญป้าแต๋ว ซึ่งเคยทำงานกับบริษัทที่มารับจ้างบริหาร ก่อนโดนน้องสามีเขี่ยกระเด็นออกไป
ตอนนั้นเพื่อนที่อยู่คอนโดมาก่อน ก็มาเล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมของพี่ซาร่าแอนด์เดอะแก๊งค์ เช่น เก็บเงินค่าส่วนกลางแล้วไม่เอาเข้าบัญชี ช่างคอนโดเข้ามาซ่อมแล้วของหาย ไม่รับผิดชอบมั่ง สารพัดเรื่องราว เลยมีใจเอนเองไปทางป้าแต๋ว และรู้สึกไม่ชอบพี่ซาร่า
เมื่อวันประชุมมาถึง ท่านประธานแจ้งแต่แรกแล้วว่าจะไปจัดที่โรงแรมสามดาวแถวๆคอนโดเนื่องจากคอนโดมันไม่ส่วนตัว ปรกติเขาก็ประชุมกันที่ที่จอดรถใต้ตึก แต่นี่ไปจัดเสียค่อนข้างไกล ตามกำหนดการจะเริ่มประชุมเวลา 13.00 กว่าลูกบ้านจะมากันครบก็ร่วม 14.00 บางคนรอไม่ไหวกลับไปก็มี แต่ก็ต้องฝากใบมอบฉันทะไว้ ตามกฏหมาย การจะประชุมแล้วถูกต้องตาม พ.ร.บ อาคารชุด ต้องมีผู้ร่วมเข้าประชุม เกิน 30% โดยคิดจากสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ เช่น ทั้งตึกคิดเป็นกี่ตารางเมตร ส่วนที่ลูกบ้านถือครองกี่ตารางเมตร ก็เอามาคิดเป็นเปอร์เซนต์เทียบกัน
เริ่มประชุมจริงๆ เวลา บ่ายสอง โดยวาระแรกๆ ป้าแต๋วก็รายงานว่าทำอะไรไปบ้าง ชี้แจงงบต่างๆ และนำผู้สอบบัญชีมาด้วย มีการเถียงกันอย่างหนัก โจมตีกันไปมา แบ่งแยกลุกบ้านเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คือ ฝ่ายนิยมป้าแต๋ว ผู้จัดการเก่า และฝ่ายท่านประธานซึ่งเป็นทนายความ การประชุมดำเนินไปอย่างน่าเบื่อ และด่ากันไปมา จนมาถึงวาระสำคัญ คือการเลือก กรรมการ และผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด
ตอนเลือกกรรมการ ทางฝ่ายท่านประธานก็เสนอตัวกรรมการขึ้นมา ทางฝ่ายป้าแต๋วก็ไม่มีใครยอมมาเป็นกรรมการ ซึ่งตามกฏหมาย กรรมการต้องมีอย่างต่ำ 3 คน สุงสุดไม่เกิน 9 คน มีคนเสนอตัวแค่ 7 คน จึงเป็นอันตกลงกันที่ 7 คน
วาระสำคัญมาถึง คือ การเลือกผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด โดยมีผู้ลงสมัครสองท่านคือ ป้าแต๋ว และ นายสุบิน ปรากฏว่าป้าแต๋วแพ้ไปไม่กี่คะแนน นายสุบินได้เป็นผู้จัดการ ตามที่ท่านประธานวางตัวไว้
แต่อีกนั้นแหละ เมื่อไปจดทะเบียนที่สำนักงานกรมที่ดินก็ไม่สามารถจดทะเบียนได้เนื่องจากตาม พ.ร.บ อาคารชุด ฉบับ 2551 กำหนดไว้ว่าผู้จัดการต้องได้รับเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25% ของกรรมสิทธิ์รวมทั้งหมด เช่นทั้งตึกมี 100 ตารางเมตร ลูกบ้านที่มาลงต้องรวมๆขนาดห้องให้ได้ 25 ตารางเมตร
เมื่อคะแนนเสียงไม่ถึง ท่านประธานยงยุทธ จึงต้องมาเป็นผู้จัดการแทน ไว้ติดตามตอนต่อไปว่า ท่านประธานจะบริหารคอนโดอย่างไรภายใต้ภาวะความแตกแยก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น