บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2015

น้าสุข กับการเกษียณที่ไม่เป็นสุข

น้าสุข กับการเกษียณที่ไม่เป็นสุข แกเกษียณมาจากการประปา ได้ 6 ปี ได้เงินมาก้อนนึง 1.7 ล้านบาท แต่ก็หมดลงภายในเวลา 4 ปี ตอนแกเกษียณ แกเอาเงินไปออกแท๊กซี่มือสอง มา 2 คัน ตกคันละ 400,000 แกไม่ขับเอง จ้างคนขับ กะว่าได้วันละ 400 ต่อคัน มีสองคันก็แปดร้อย เดือนนึงไม่ต้องทำไร ได้สามหมื่นเนาะๆ สบายๆ แต่ที่ไหนได้ คนขับที่มาเช่ารถแกมันรู้กันกับอู่ รถแกเดี๋ยวเสีย เดี๋ยวซ่อม ซ่อมตลอดๆ จนบานปลายไม่ได้เงิน นิสัยส่วนตัวแกก็ไม่เคยทำมาหากินอย่างอื่น เครียด กินเหล้า โดนผู้หญิงหลอกอีก เงิน 1.7 ล้านหมดไปภายใน 4 ปี นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรมีความรู้ทางการเงินก่อนเกษียณ อย่าทำอะไรที่ไม่ถนัด ก่อนเกษียณก็หาความรู้บ้าง อะไรไม่เคยทำก็ศึกษา แก่แล้วโอกาสแก้ตัวหมดแล้วล่ะนั ตอนนี้แกรับจ้างเฝ้าสุขา เก็บตังค์หน้าห้องน้ำ พอประทังชีวิต

เมื่อฉันเลิกกิจการเกสต์เฮ้าส์

รูปภาพ
เลิกกิจการเกสต์เฮ้าส์ ตอนนี้ก็ได้เลิกกิจการเกสต์เฮ้าส์ไปแล้วด้วยหนี้สินหลักแสน  ตอนแรกทางเจ้าของเก่าประกาศขายมานานแล้ว แต่ไม่มีใครซื้อ  แกเคยทำเองมาก่อน แต่เจอช่วงกีฬาสีเลยไปไม่ไหว ต้องให้พวกนักเรียนเทคนิค พาณิชย์เช่า  เขาโกหกเราตั้งแต่แรกว่ารายได้ค่าเช่าของเขาเดือนละ 20,000 แต่ไปถามคนเช่าเขาจ่ายแค่ 1200 แล้วก็รวมค่าไฟ สภาพห้องก็สลัมสุดๆ  ตอนนั้นอะไรบังตาไม่รู้ทำให้ดูไม่ละเอียดถ้วนถึ่ สภาพห้องก็ไม่ดี แต่เราไม่ดูให้ละเอียด เมื่อเข้าไปทำแล้วต้องเสียเงินปรับปรุงเยอะทีเดียว ลุงแกจะขายทั้งหมด 2.5 ล้านบาท เราเลยขอเป็นเช่าแล้วกัน แกให้วางประกันของเสีย 70,000 ตอนแรกจะเอาแสนนึง จะมีของอะไรเสียหาย เพราะมันเน่าขนาดนี้ ที่นี่เมื่อตกลงทำแล้วก็ต้องหาช่างต่อไป แต่ช่างที่ได้มาก็แย่มากงานหยาบทำวันหยุดสองวัน ปวดหัวมากๆ แล้วจะมาเล่าต่อนะครับ ตอนนี้เลิกทำและขายอุปกรณ์ทิ้งหมดแล้ว  บทเรียนที่ ๑ จะเสียเงินดูให้ละเอียดรอบคอบ สภาพอาคารต้องดูให้ละเอียด ยิ่งไปเช่าเขาด้วย เรามีโอกาสเสียเปรียบได้มาก ควรจ้างช่างหรือวิศวกรเข้าไปดูสภาพและประเมินราคาค่าปรับปรุงด้วย  แต่นี่ผมไม่ทำเลย เอาเร็วอย่างเดียว พอซ่อมและปรับปรุง

เรื่องเศร้าของสาวออฟฟิส ติดหนี้บัตร

ขอเป็นโค้ชกะเขามั่ง ไม่ได้ตังค์หรอกนะ มีเคสนึง เป็นพนักงานออฟฟิส รุ่นใหญ่วัยราบ 11 คือใกล้หลักสี่ เป็นหนี้บัตรและสินเชื่อบุคคลสิริรวม 400,000 กว่าบาท ด้วยเงินเดือน 25,000 เหลือกินจริงๆ เดือนนึง ประมาณ 3,000 กว่าบาท เธอเล่าว่าบางที ซื้อไข่พะโล้มา ผ่าครึ่งกินทีละมื้อ เอาเงินไปให้จ่ายเจ้าหนี้ ดอกเบี้ยกินหมด เป็นงี้มาปีแล้วปีเล่า ตอนแรกแนะนำวิธีไป นางบอกไม่เอาอ่ะ กลัวเสียเครดิต ติดแบล็คลิสต์ บอกว่าจะกู้ซื้อคอนโดในอนาคต คิดในใจ มึงยังไม่รู้ตัว ใครเขาจะให้กู้ล่ะคุณ เต็มวงเงินขนาดนี้ ต้องคุยอยู่นาน และให้กลับไปคิด ตอนนั้นนางเปรียบเหมือนคนไข้อาการหนัก ต้องห้ามเลือดให้หยุดไหลก่อน และผ่าตัดใหญ่ สุดท้ายยอมทำตามที่แนะนำ ก็ตามนี้แหละนะ http://debtclub.consumerthai.org/index.php… ตอนนี้ หนี้บัตรหมดไปกว่าครึ่ง และไม่เครียด ไม่ต้องกินไข่พะโล้ผ่าครึ่งแต่ละมื้อแล้ว ยอมล้มในวันนี้ แล้วลุกขึ้นมาใหม่ดีกว่า หวังว่านางคงเข็ด

ไขข้อข้องใจการอายัดเงินเดือน

ถาม : ถูกศาลพิพากษาแล้ว อีกนานแค่ไหนถึงจะโดนอายัดเงินเดือน? ตอบ : การอายัดเงินเดือน หรือการอายัดทรัพย์ใดๆนั้น จะใช้เวลานานเท่าใดนั้น มันขึ้นอยู่กับความขยันของฝ่ายโจทก์(เจ้าหนี้) ที่จะเป็นผู้นำคำพิพากษาของศาล ไปเขียนคำร้องขอต่อกรมบังคับคดีให้เป็นผู้ทำการอายัด โดยให้เหตุผลว่าลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล(ดื้อแพ่ง) เจ้าหนี้จึงจำเป็นต้องยื่นคำร้องดังกล่าวต่อกรมบังคับคดี พร้อมกับแนบหลักฐานว่า เจ้าหนี้สืบพบว่าลูกหนี้ในคดีนี้ ทำงานอยู่ที่บริษัท xxxx จำกัด โดยหลังจากนี้ ทางกรมบังคับคดีก็จะจัดส่งจดหมาย ไปถึงยังผู้บริหารของบริษัท xxxx จำกัด เพื่อให้ทำการหักอายัดเงินเดือนของลูกจ้าง(จำเลยที่ถูกพิพากษา) พร้อมกับให้นายจ้างเป็นผู้นำส่งเงินที่อายัดจำนวนนี้ ส่งมาให้กรมบังคับคดีทุกเดือน เพื่อชดใช้หนี้ตามคำพิพากษาจนกว่าจะหมดหนี้ ดังนั้น...ระยะเวลาในการอายัดใดๆ ของกรมบังคับคดี หลังจากที่ศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น...มันจึงไม่แน่นอน (ถึงแม้นว่าในคำพิพากษา จะเขียนเอาไว้โดยชัดเจนว่า บังคับภายใน 15 หรือ 30 วัน ก็ตามที) เพราะเงื่อนไขของระยะเวลาดังกล่าว มันขึ้นอยู่กับทางฝ่ายโจทก์(เจ้า

การทำประนอมหนี้คือการทำสัญญานรก

รูปภาพ
“ สัญญา_นรก ” คืออะไร? “ สัญญา นรก ” ก็คือสัญญาที่ทางฝ่ายเจ้าหนี้หยิบยื่นเงือนไขให้กับลูกหนี้ หลังจากที่ลูกหนี้หยุดชำระหนี้บัตรเครดิต หรือหยุดชำระหนี้สินเชื่อ มานานสักระยะหนึ่งแล้ว(หยุดจ่ายประมาณ 2-3 เดือนขึ้นไป) โดยทางเจ้าหนี้จะเสนอให้ทางฝ่ายลูกหนี้กู้เงินก้อนใหม่จากทางเจ้าหนี้ เพื่อไปปิดหนี้ตัวเดิมที่ได้หยุดจ่ายไป แล้วมาผ่อนต่อในสัญญาเงินกู้ตัวใหม่นี้แทน โดยเสนอว่าจะลดดอกเบี้ยให้ และยอดผ่อนจ่ายต่อเดือนน้อยลง แต่ระยะเวลาในการผ่อนจ่ายนานขึ้น(เช่น 4 - 5 ปี)เป็นต้น เงินกู้ก้อนใหม่ที่ได้มานี้ จะเอาไปใช้ปิดหนี้ที่ค้างชำระของเดิมเลยโดยตรง เงินก้อนนี้จะไม่ผ่านมือของลูกหนี้เลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น นายพอเพียงมียอดหนี้บัตรเครดิตอยู่ 50,000 บาท แล้วนายพอเพียงก็หยุดจ่ายหนี้มานานประมาณ 3 เดือนแล้ว จนยอดหนี้กลายเป็น 56,200 บาท (ยอดหนี้เมื่อสามเดือนก่อน + ดอกเบี้ย + ค่าปรับล่าช้า) แล้วทางเจ้าหนี้ก็เสนอให้นายพอเพียงทำสัญญานรก เพื่อกู้เอาเงิน 56,200 บาท ไปจ่ายปิดหนี้ของบัตรเครดิต แล้วมาผ่อนหนี้กับสัญญานรกตัวนี้แทน ซึ่งคิดดอกเบี้ย 13% ต่อปี และสามารถผ่อนได้ยาวนานถึง 5ปี(60งวด) โ

ความหมายของ วันนัดไปศาล

ถ้าในหมายศาล (หน้าแรก) เขียนเอาไว้ว่า ให้จำเลยมาศาล เพื่อการไกล่เกลี่ย ในวันที่ xx เดือน xxxxx พ.ศ.2558 และให้จำเลยมาศาล เพื่อการสืบพยานโจทก์ ในวันที่ xx เดือน xxxxx พ.ศ.2558 ก็แสดงว่าในหมายศาลที่คุณได้รับนั้น...ได้มีการระบุวันที่ให้คุณไปขึ้นศาลถึง 2 ครั้งด้วยกัน...ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งวันที่ระบุไว้ในครั้งแรกก็คือ วันนัดไกล่เกลี่ย (นัดที่หนึ่ง) และวันที่ระบุไว้ในครั้งที่สองก็คือ วันนัดสืบพยาน หรือ "วันสู้คดีความ" (นัดที่สอง) ส่วนสำหรับวัน นัดในครั้งสุดท้ายนั้น (นัดมาฟังคำพิพากษา) จะไม่ถูกระบุไว้อยู่ในหมายศาล เนื่องจากยังไมมีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ว่า คดีนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด...ก็ต้องรอให้การสืบพยาน (การสู้คดีความ) จนถึงที่สุดแล้วนั่นแหละ ศาลท่านถึงจะบอกนัดอีกทีได้ว่า ให้คู่กรณีทั้งสองมาฟังคำพิพากษาได้ในวันไหน? ซึ่งโดยปกติแล้ว วันนัดในหมายศาล ตามที่ยกตัวอย่างมาในข้างบนนี้...ในปัจจุบันนี้ ไม่ค่อยมีกันแล้ว...หาได้ยากเต็มที (ก็คือมีการระบุถึงวันที่นัดครั้งที่หนึ่ง และระบุถึงวันที่นัดครั้งที่สอง) เพราะว่าในปัจจุบันนี้ วันนัดที่ระบุไว้ในหมายศาล...ซึ่งส่วนมากศาลท

ทำอะไร ........หลังเกษียณ

จอเพื่อนหลายคน บอกอยากให้เขียนเรื่องควรทำอะไรหลังเกษียณเพื่อเป็นแนวทางให้กับมือใหม่ ในฐานะที่มีประสบการณ์เกษียณมานานที่สุดในรุ่น...ก็ 16 ปีเข้าไปแล้ว เยอะเหมือนกัน...ตั้งใจมานานว่าจะเขียนเรื่องนี้ตอนเพื่อน ๆ ใกล้เกษียณซึ่งเวลานี้ก็เหมาะสม...แต่เมื่อสาระตะอย่างละเอียดแล้วก็บอกตัว เองว่าอย่าเขียนดีกว่า เพราะเขียนไปก็คงเขียนไม่จบ...เคยกำหนดโครงการแรกหลังเกษียณว่าจะเขียน เรื่องประสบการณ์ของผู้บริหารเมื่ออายุยังน้อย จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย...หลังเกษียณ แม้จะมีเวลาเยอะ แต่ต้องใช้ไปกับการลอกหัวโขนด้วยตนเองออกทีละชั้น ชั้นแล้วชั้นเล่า เป็นประสบการณ์ที่ท้าทายจนแทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น...เห็นบางคนที่ไม่เต็ม ใจให้ลอก เมื่อถึงเวลามันก็ต้องหลุดร่วงไปเองอย่างเจ็บปวด...ตัวผมนั้น จนป่านนี้แล้ว ยังเหลือให้ลอกอีกตั้งหลายชั้น...เรื่องนี้ยกเว้นให้กับคนที่ไม่มีหัวโขนให้ ลอก...แล้วพวกเราล่ะ ใครไม่มีหัวโขนให้ลอก...จริงหรือ ผม เกริ่นเรื่องเอาไว้อย่างนี้...ก็มีเพื่อนฝูงคะยั้นคะยอให้เขียน...พอมาก ๆ เข้า ก็ใจอ่อน เอ้าเขียนก็เขียน...จบได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้...จะขอไล่เรียงทำความเข้าใจ กับการ

ทางรอดของชนชั้นกลาง โดยคุณวีระพงษ์ ธัม

  ชนชั้นกลาง หรือ Middle Class เป็นชนชั้นที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย แต่ชนชั้นกลางทั่วโลกกำลังถูกท้าทายมาโดยตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนกับว่าคน “กำลังรวยขึ้น” จากชนชั้นรากหญ้าสู่ชนชั้นกลาง แต่ตำแหน่งชนชั้นกลาง กำลังมีชีวิตที่ “ยากลำบาก” ลงเรื่อย ๆ              นิยามของชนชั้นกลางนั้น พูดโดยกว้าง ๆ มักจะเป็นกลุ่มคนที่มีการศึกษาพอสมควร อาจจะจบปริญญา หรืออนุปริญญา มีวิชาชีพติดตัว ชีวิตอยู่สะดวกสบายแต่ไม่สามารถฟุ่มเฟือยได้มากนัก ส่วนมากจะมีบ้านเป็นของครอบครัว มีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว อาจจะชอบทานกาแฟ ร้านอาหาร ชอบท่องเที่ยว เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ฯลฯ รวมไปถึงว่ามีความเชื่อที่เหมือน ๆ กับ “คนกลุ่มใหญ่” ในสังคม เช่นช่วงหนึ่งมีความเชื่อว่า การประสบความสำเร็จต้องหางานทำดี ๆ มั่นคง เป็นเจ้าคนนายคน เป็นต้น              ประเทศกำลังพัฒนาเกือบทุกประเทศจะมีลักษณะคล้ายกันคือ มีการขยายตัวของคนชั้นกลาง เช่นในประเทศจีน ชนชั้นกลางขยายตัวจาก 15% สู่ 62% ในช่วงเวลาแค่สิบกว่าปี (จาก The Economist) เพราะพ่อแม่ของคนกลุ่มนี้จะส่งเสียลูก ๆ ให้มีการศึกษาสูง ๆ

ปลดหนี้บัตรเครดิต 12 ใบใน 7 เดือน

นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างนะครับ ขอเล่าจากประสบการณ์ตรงนะครับ จัดประเภทหนี้ 12 บัญชีได้ 3 ประเภท ดังนี้ 1. ฟ้องดำเนินคดีเร็วมาก (ได้รับหมายศาล ทำเลื่อนนัดศาล 2 รอบ และตกลงเจราจำนวนเงินเพื่อปิดบัญชี ก่อนศาลพิพากษา) 1.1 บัตรเครดิต KTC 2.2 สินเชื่อ KTC Cash Revolve 2. ฟ้องดำเนินคดีช้ากว่า KTC นิดหน่อย 1-2 เดือน (ได้รับหมายศาล ทำเลื่อนนัดศาล 2 รอบ และตกลง เจราจำนวนเงินเพื่อปิดบัญชี ก่อนศาลพิพากษา โดยเข้าไปเจรจาต่อรองด้วยตนเองที่ สนง.พระราม 7) 2.1 บัตรเครดิตธนชาต 2.2 บัตรกดเงินสดธนชาต Flash 3. เจรจาต่อรองได้ มีจม.จาก สนง.ทนายความ ไม่มีหมายศาล (หนี้บางราย หลายแสน) 3.1 สินเชื่อบุคคล กรุงศรี สไมล์แคช 3.2 สินเชื่อบุคคล กรุงศรี จัสแคช 3.3 บัตรเครดิตกรุงศรี 3.4 สินเชื่อ Speedy Cash ไทยพาณิชย์ 3.5 บัตรเครดิต ไทยพาณิชย์ 3.6 บัตรเครดิต KBank-Visa 3.7 บัตรเครดิต KBank-Robinson 3.8 บัตรกดเงินสด TMB Ready Cash ไปอบรมกับชมรมหนี้บัตรเครดิตฯ เมื่อต้นปี 2557 ปัจจุบันเคลียร์หนี้และปิดบัญชีได้แล้ว 11 บัญชี เหลืออีก 1 บัญชี คือ กรุงศรี สไมล์แคช ได้เจรจาต่อรองเรียบร้อยแล้ว สามารถผ่อน

ประสบการณ์ขึ้นศาล CITI BANK

รูปภาพ
วันนี้จะมาอัพเดตหน่อยหลังจากหายไปนาน 1. City advance สินเชื่อส่วนบุคคล ยอดหนี้ 2xx,xxx บาท (ขอแก้ไขยอดหนี้หน่อยนะครับ ตัวนี้ ยอดฟ้องอยู่ที่ 17x,xxx )>> หยุดจ่าย 6/57 (ฟ้องแล้ว จากนั้น City ติดต่อ H/C 80,000 แบ่งจ่าย 3 งวด งวดแรกเริ่ม ตุลาคม - ธันวาคม เป็นงวดสุดท้าย )จะขอเล่าเกี่ยวกับตัวนี้นิดหน่อย เนื่องจากผมโดนหมายศาลให้ไปขึ้นศาล วันที่ 15 ธันวาคม ซึ่งช่วงระยะเวลานั้นมันอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าต้องไปขึ้นศาลมั้ยเนื่องจากเจรจา H/C ไปแล้ว แต่หลังจากโทรไปปรึษาพี่นกกระจอก ท่านแนะนำว่ายังไงก็ต้องไป เพราะการ H/C ยังไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าเราชำระเรียบร้อยแล้วทางทนายของ City จะถอนฟ้องเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ผมได้มีโอกาสขึ้นศาลครั้งแรก การเตรียมตัว 1. หาอ่านเคสการขึ้นศาลในบอร์ด ซึ่งที่ผมเจอก็ไม่มีที่เหมือนผมเป๊ะๆซะเท่าไหร่ ดังนั้น เราก็ต้องประยุกต์เอาเอง 2. ตรวจสอบ และเตรียมเอกสารที่ต้องเอาไป (หนังสือ H/C , สลิปที่ไปจ่ายเงินถ่ายเอกสาร และที่สำคัญ "หมายศาล") 3. วันที่ศาลนัด ผมไปก่อนเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (ศาลนัด 9 โมงเช้า) หลังจากนั้นผมก็ไปตรวจรายชื่อ พ

ตัวอย่างการคำนวณภาษ๊ ลดหย่อนจากประกันชีวิต

ตัวอย่างที่ 3 นาย ก. มีเงินได้มีเงินได้ทุกประเภทภาษีรวมทั้งปีเท่ากับ 3,400,000 บาท ได้ซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ของตนเองไว้รวมปีละ 60,000 บาท ได้ซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญไว้ 300,000 บาท และซื้อหน่วยลงทุน RMF ไว้ในปีเดียวกันถึง 360,000 บาท นาย ก. สามารถหักลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญได้ดังนี้ (1) คำนวณยอดการใช้สิทธิหักไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แล้วพักไว้มีเงินได้ทั้งปี 3,400,000 บาท ไม่เกินร้อยละ 15 มีเพดานสูงสุดเท่ากับ = 3,400,000 X 15% = ไม่เกิน 510,000 บาท (2) นาย ก. จ่ายเบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ 60,000 บาท ให้นำเบี้ยประกันไปใช้สิทธิหักเบี้ยประกันชีวิตปกติก่อน 60,000 บาท คงเหลืออีก 40,000 บาท (100,000 - 60,000 = 40,000 ) จึงนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญมาใช้สิทธิให้ครบ 100,000 บาท (3) นาย ก. จ่ายเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ 300,000 บาท คงเหลืออีก 260,000 บาท (300,000 - 40,000) นำมาเปรียบเทียบกับตาม 1. พบว่าไม่เกิน จึงสามารถใช้สิทธิหักเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญได้เต็ม 200,000 บาท (4) นำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ 200,000 บาท ไปรวมกับเงินค่าซื้อหน่วยลงทุน RMF

ความเข้าใจเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นการเพิ่มเติมค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตที่มีอยู่แล้วตามปกติ 100,000 บาท เพิ่มขึ้นอีก 200,000 บาท ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน             แต่เมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แล้วแต่กรณีหรือเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตาม กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในปีภาษีเดียวกัน  หลักเกณฑ์  (1) เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญมีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป (2) ต้องเอาประกันไว้กับผู้รับประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในไทย (3) มีการกำหนดการจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ จะจ่ายเท่ากันทุกงวดหรือจ่ายในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการเอาประกัน ก็ได้ โดยจะจ่ายตามการทรงชีพที่อาจมีการรับรองจำนวนงวดในการจ่ายที่แน่นอน (4) มีการกำหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์เมื่อผู้มีเงินได้มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ถึงอายุ 85 ปี หรื